ความต่อเนื่องของงานฝีมือ รสนิยม และวัฒนธรรมที่ดำเนินผ่านกาลเวลา ห้องเสื้อแห่งนี้เป็นดั่งสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นช่างฝีมือและช่างศิลป์ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และดีไซเนอร์ สื่อ และลูกค้า Gucci แสดงออกที่หลากหลายผ่านเสื้อผ้าและเครื่องประดับ รวมถึงสไตล์เฉพาะตัวที่ถูกปรับเปลี่ยนและพัฒนาไปตามกาลเวลา
สำหรับคอลเลกชั่นนี้ ถือเป็นรากฐานสำคัญที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของ Gucci ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นสิ่งที่มีความหมายกับหลายคน และถูกนำมาปรับใช้ตามบริบทของแต่ละยุคสมัย
เสน่ห์ของสไตล์อิตาเลียนอันเป็นเอกลักษณ์ที่รู้จักกันในชื่อ ‘sprezzatura’ ความสมบูรณ์แบบที่ดูเหมือนไม่ได้พยายาม แต่ผ่านการคิดมาอย่างประณีต ซึ่งเป็นหัวใจของ Gucci มาตั้งแต่ต้น และแฝงตัวอยู่ในทุกอณูของคอลเลกชั่นนี้ Gucci มีโลกทัศน์อันกว้างใหญ่เสมอมา เปรียบดั่งฉากภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและตัวละครที่มีเอกลักษณ์ และในครั้งนี้ทุกองค์ประกอบถูกนำมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันอีกครั้ง
บนรันเวย์ที่ตกแต่งด้วยลวดลาย Interlocking G สีเขียวเข้ม อันเป็นสัญลักษณ์ของ Guccio Gucci ซึ่งปีนี้ครบรอบ 50 ปี การแสดงคอลเลกชั่นผสานกันระหว่างเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย เกิดเป็นพลังร่วมกันดั่งเส้นดีเอ็นเอคู่ ขั้วตรงข้ามอย่างหยินและหยาง หรือเครื่องหมายอินฟินิตี้ ต่างเกื้อหนุนกันและกัน ความพิถีพิถันของการตัดเย็บถูกนำเสนอเคียงคู่กับความสนุกสนาน ผ้าสำหรับชุดสูทบุรุษถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเสื้อผ้าสตรี ความคมชัดของซิลลูเอตถูกท้าทายด้วยเนื้อหนังที่เผยให้เห็นสีสันที่โดดเด่น หรือการบิดเบือนของผ้า crepe de chine ลายทวีดสไตล์อังกฤษดั้งเดิมถูกสะท้อนในลวดลายของเสื้อเชิ้ตและเสื้อเบลาส์เนื้อพลิ้ว มิติของแข็งและอ่อนยังคงเล่นกับกันผ่านผ้าขนแกะ mohair ขัดเงา หนัง mother-of-pearl ขนสัตว์เคลือบ และ bouclé ที่ถูกเคลือบเพิ่มพื้นผิวใหม่ ผืนผ้าถูกนำมาทดลองอย่างสร้างสรรค์ในกรอบของความคลาสสิกและการขบถต่อขนบเดิม เฉดสีของคอลเลกชั่นหลอมรวมเสื้อผ้าบุรุษและสตรีไว้ด้วยกัน ผ่านโทนสีเขียว เทา ม่วงอ่อน และน้ำตาล
เส้นสายของยุคสมัยต่างๆ ถูกนำมาหลอมรวมกัน ตั้งแต่ปลายยุค 1960s ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Gucci ready-to-wear ข้ามผ่านหลายทศวรรษ ตั้งแต่มินิมัลลิสม์ของยุค 1990s จนถึงความสุดโต่งในยุคปัจจุบัน แต่ท่ามกลางองค์ประกอบที่แตกต่าง Gucci กลับสามารถนำมาหลอมรวมให้เกิดสิ่งใหม่ได้อยู่เสมอ และที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น Horsebit อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของ Gucci ที่ปีนี้ครบรอบ 70 ปี ตั้งแต่กระเป๋า Horsebit 1955 ถูกนำเสนอทั้งในเวอร์ชันโอเวอร์ไซซ์และมินิ Horsebit ถูกนำไปใช้ในจิวเวลรี อย่างโซ่คาดเอวที่เผยให้เห็นบนชุดเดรสเปิดหลัง หรือถูกนำเสนออย่างเด่นชัดบนเครื่องหนัง ตั้งแต่กระเป๋า Horsebit 1955 ในรูปทรงใหม่ที่อ่อนนุ่มยิ่งขึ้น ไปจนถึงกระเป๋าสะพายไหล่ใบใหม่ที่มาพร้อมหูจับ Horsebit ขนาดใหญ่ รวมถึง Gucci Siena กระเป๋าทรงหรูหราที่เปิด-ปิดด้วยตัวล็อกครึ่ง Horsebit นอกจากนี้ยังมีการนำลวดลายนี้มาใช้กับรองเท้าแตะที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
ดนตรีประกอบโชว์ในครั้งนี้ บรรเลงโดยวงออเคสตราสด เป็นผลงานของ Justin Hurwitz นักประพันธ์และวาทยกรชื่อดังเจ้าของรางวัลออสการ์สองสมัย ดนตรีที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะนี้ ช่วยเสริมความรู้สึกเสมือนกำลังชมภาพยนตร์ และเติมเต็มอารมณ์ให้กับคอลเลกชั่นที่ผสานเสื้อผ้าของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์
อีกทั้งยังมีแขกคนสำคัญของ Gucci ขณะเข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่น Fall/Winter 2025 นำโดยเเบรนด์เเอมบาสเดอร์ บิวกิ้น พุฒิพงศ์, XiaoZhan เเละ Jin หนึ่งในสมาชิกวง BTS
อ่านบทความเพิ่มเติม:
คู่รักเซเลบริตี้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักในโททัลลุคของ Gucci
Sabato De Sarno อำลาตำเเหน่ง Creative Director ของ Gucci พร้อมย้อนส่องผลงานเด่นของเขา
Gucci เปิดตัว Where light finds us แคมเปญใหม่ประจำฤดูกาล Spring Summer 2025
The post การหล่อรวมอดีต ปัจจุบัน เเละอนาคตใน GUCCI FALL/WINTER 2025 appeared first on L’Officiel Thailand.
