ไม่บ่อยนักที่จะมีการสร้างสรรค์ไฮจิวเวลรี่โดยเริ่มต้นตั้งแต่อัญมณีดิบที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน สำหรับ Chopard แบรนด์จิวเวลรี่และนาฬิากจากสวิตเซอร์แลนด์ นี่เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่สร้างสรรค์คอลเลกชั่นจากอัญมณีดิบ นับตั้งแต่ Garden of Kalahari (ปี 2017) ซึ่งสร้างจากเพชรดิบ 342 กะรัต จนมาสู่ Insofu Collection ซึ่งสร้างสรรค์จากมรกตขนาด 6,255 กะรัตซึ่งค้นพบเมื่อปี 2022
หลังจากนำเสนอบทที่หนึ่งไปเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดในปี 2025 ทาง Chopard ได้เผยบทที่สองของ Insofu Collection ซึ่งประกอบด้วยผลงาน 15 ชิ้น กล่าวคือ ตุ้มหู 5 คู่, สร้อยคอ 4 เส้น, แหวน 3 วง, กำไล 1 วง และนาฬิกาจิวเวลรี่ 1 เรือน และจี้ที่เป็นไฮไลต์
เรื่องราวของ Insofu Collection เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อปี 2022 เมื่อ Caroline Schefeule ได้เผยโฉมมรกตหนัก 6,255 กะรัตที่ทาง Gemsfield ขุดได้จากเหมือง Kagem ในประเทศแซมเบีย ชื่อ Insofu หมายถึงช้างในภาษาถิ่น เบมบา สื่อถึงรูปทรงของมรกตที่คล้ายกับงวงช้างและความใหญ่โตหายากของมัน
การสร้างสรรค์เครื่องประดับโดยเริ่มต้นจากอัญมณีดิบนี้ถือเป็นเรื่องที่แหวกขนบของวงการจิวเวลรี่ที่มักเริ่มจากการเสาะหาอัญมณีที่ผ่านการเจียระไนแล้ว แต่วิธีนี้ก็ช่วยให้ทราบแหล่งที่มาที่ชัดเจนของอัญมณี ตอกย้ำเรื่อง traceability และ sustainability ที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมาเนิ่นนาน
การเจียระไนมรกตเม็ดใหญ่ให้เป็นเม็ดเล็กเพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับนั้นมีความท้าทายกว่าเพชร เนื่องจากการเจียระไนเพชรมีหลักการและเครื่องมือที่ช่วยให้เกิดความแม่นยำ แต่สำหรับมรกตซึ่งมีความเปราะกว่าเพชร และยังมีตำหนิที่เรียกว่า jardin (ออกเสียงว่า ฌาร์แด็ง) อยู่ในเนื้อ การเจียระไนจึงต้องระมัดระวังเรื่องความเปราะหากตัดเจียนใกล้ jardin เกินไป อีกทั้งยังต้องกะตำแหน่งให้ jardin อยู่ในจุดที่เหมาะสม ไม่บดบังความเปล่งประกายของอัญมณีเม็ดนั้น
ผลงานในบทที่สองของ Insofu Collection ได้รับการสร้างสรรค์อย่างงดงามในสไตล์อาร์ตเดโค หนึ่งในไฮไลต์คือจี้รูปช้างซึ่งเป็นการทริบิวต์ให้กับคอลเลกชั่น ประดับด้วยมรกตหลากขนาดและรูปทรงล้อมด้วยเพชรบริเวณงวงช้าง สวมใส่กับสร้อยเส้นยาวประดับเพชรและมรกต
สร้อยคอในคอลเลกชั่นนี้ทำให้นึกถึงยุค 1920s หรือ Roaring Twenties หนึ่งในนั้นเป็นโช้กเกอร์ประดับมรกตทรงเหลี่ยมหนัก 2.50 กะรัต รวมถึงโช้กเกอร์ประดับมรกตกแปดเหลี่ยมขนาด 15.53 กะรัต และพิงก์แซฟไฟร์ และสร้อยคอยาวร้อยด้วยมรกต เพชร และมุก
ส่วนกำไลนั้นนประดับด้วยโมทีฟพุ่มไม้ประดับด้วยมรกตและซาวอไรต์ และสร้อยร้อยด้วยมุกขาวนวลตา ราวกับการหลอมรวมโลกของป่าไม้และท้องทะเลเข้าไว้ด้วยกัน
“อัญมณีทุกเม็ดมีเรื่องราวซ่อนอยู่ และหน้าที่ของฉันคือการรับฟังและยกย่องความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของอัญณีซึ่งเป็นสมบัติจากโลก” คาโรลีน ชอยเฟเลกล่าว “สำหรับ Insofu Collection เป็นการแสดงความเคารพความงามตามธรรมชาตินี้ ฉันเลือกเม็ดพลอยคุณภาพดีที่สุดจากใจกลางมรกต จับคู่กับเพชร ไพลินสีชมพู และไข่มุก”
นอกจากความงดงามของผลงานสร้างสรรค์ Chopard ยังให้ความสำคัญกับเรื่องจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ริเริ่มใช้ Provenance Proof’s Emerald Paternity Test ซึ่งพัฒนาโดย Gübelin Gem Lab เพื่อให้สืบทราบที่มาของมรกตได้ วิธีการอันล้ำสมัยนี้ต้องอาศัยการฉีดอนุภาคนาโนที่มี DNA เข้าไปในรอยแยกตามธรรมชาติของอัญมณี ซึ่งจะยังคงสภาพสมบูรณ์แม้จะผ่านการเจียระไนและขัดเงา การทำเครื่องหมายนี้คงอยู่ถาวร ทำให้สามารถระบุอัญมณีดิบได้ แม้กระทั่งหลายสิบปีต่อจากนี้ การตรวจสอบอย่างง่ายๆ ก็สามารถติดตามอัญมณีไปจนถึงอัญมณีดิบดั้งเดิมได้ โดยรักษาความเชื่อมโยงที่ยังคงสมบูรณ์กับแหล่งกำเนิดที่แน่นอน เทคโนโลยีนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนของ Chopard ขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจาก Chopard ได้ใช้ทองคำที่เป็นไปตามจริยธรรม 100% ในเครื่องประดับและนาฬิกาทุกเรือนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2018
“ ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับเป็นมากกว่าความก้าวหน้าทางเทคนิคมันเป็นความสำเร็จทางจริยธรรมคอลเลกชัน ISFU สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของเราว่าความงามที่แท้จริงเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงต่อสังคมและการปฏิบัติทางจริยธรรม”
ทาง Chopard ยังได้เปิดตัวคอลเลกชันนี้ร่วมกับองค์กรการกุศล Elephant Family ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงของ Chopard ที่มีต่อความหรูหราอย่างยั่งยืน รวมถึงความหลงใหลในธรรมชาติและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์มาอย่างยาวนาน โดยส่วนหนึ่งของกำไรจากการขายผลงานแต่ละชิ้นในคอลเลกชั่นนี้จะนำไปบริจาคเพื่อสนับสนุน Elephant Family และการดำเนินการต่างๆ ขององค์กร
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
Chopard x Julia Roberts คอลเลกชั่นสุดพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นจากมรกต Insofu อันลือเลื่อง
Contes de Fées คอลเลกชั่นเครื่องประดับชั้นสูงจาก Chopard ที่ได้แรงบันดาลใจจากเทพนิยาย
5 Facts – มรกต อัญมณีสีเขียวทรงเสน่ห์
