ทำความรู้จักกับ clock หรือนาฬิกาตั้งพื้นและนาฬิกาตั้งโต๊ะที่สร้างสรรค์โดยแบรนด์นาฬิกาชั้นสูง – L’Officiel Thailand
นาฬิกาไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่บอกเวลาอยู่บนข้อมือของเราเสมอไป! ลอฟฟีเซียลขอพาไปทำความรู้จักกับ clock หรือนาฬิกาตั้งพื้นและนาฬิกาตั้งโต๊ะที่เหล่าแบรนด์ชั้นสูงนำเสนอออกมาในช่วงนี้ นอกจากจะโดดเด่นด้วยเทคนิคและงานฝีมือชั้นสูงแล้ว ยังเปี่ยมด้วยจินตนาการและเวทมนตร์
บินสูง
ความหลงใหลที่ Louis Vuitton มีต่อการเดินทางและความคิดสร้างสรรค์นั้นได้รับการถ่ายทอดผ่านการสร้างสรรค์เรือนเวลาล่าสุดในชื่อ Montgolfière Aéro ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากฮ็อตแอร์บอลลูน และได้แบรนด์นาฬิกาตั้งโต๊ะระดับตำนานอย่าง L’Epée 1839 มาร่วมสร้างสรรค์
ก่อนจะสร้างสรรค์ผลงานนี้ ทางทีมงานได้มองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเมซงซึ่งมีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับการเดินทาง โดยก่อนที่จะมาเป็นช่างทำหีบหรือทรังก์ชื่อดัง หลุยส์ วิตตองเองก็เคยมีประสบการณ์ในฐานะคนแพ็คของ ช่วยจัดเก็บและเตรียมสิ่งของที่เป็นที่รักของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะมีการขนส่งที่ปลอดภัยตลอดการเดินทาง หีบที่เขาผลิตจึงต้องใช้งานได้จริง โดยยังคงความสง่างามและประณีต ซึ่งแนวคิดนั้นได้นำไปสู่งการผลิต Aéro Trunk หีบเดินทางที่ติดอยู่กับตะกร้าบอลลูนในปี 1906 ซึ่งนำเสนอออกมาเป็นหีบที่มีน้ำหนักเบาและทนทาน มีซีลกันน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าตะกร้าจะลอยได้ในกรณีที่ตกลงไปในทะเล
สำหรับเรือนเวลา Montgolfière Aéro ซึ่งนำเสนอออกมาสองเวอร์ชั่น โดดเด่นด้วยดีไซน์บอลลูนงดงาม ซึ่งมีทั้งที่เป็นโครงสีทองตกแต่งแก้วใสสีแดง และที่โครงทำจากไม้แต่งด้วยแก้วแบบโปร่ง ทั้งยังประดับด้วยเพชร 1,200 เม็ด ตัวบอลลูนวางอยู่บนตะกร้าที่สร้างเป็นหีบหลุยส์ วิตตอง ซึ่งภายในยังบรรจุกลไกนาฬิกาเอาไว้ หีบนี้ถือเป็นหีบที่เล็กที่สุดเท่าที่เมซงเคยสร้าง แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงขนบและองค์ความรู้ดั้งเดิมในงานฝีมือเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ตรงกลางบอลลูนยังติดตั้งดอกไม้ Monogram หนึ่งโมทีฟประดับด้วยซิทรินบริโอเล็ตขนาด 9.06 กะรัต ดอกไม้นี้สามารถหมุนได้ตามใจต้องการเพียงแค่กดปุ่ม
บทกวีในการเคลื่อนไหว
ทุกๆ ปีนาฬิกาตั้งโต๊ะในคอลเลกชั่น Extraordinary Objects กลายเป็นผลงานที่คอนาฬิกาตั้งตารอจาก Van Cleef & Arpels ไปแล้ว ด้วยแต่ละชิ้นเป็นผลงานหนึ่งเดียวในโลกซึ่งควรค่าแก่การสะสม และยังแสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันบรรเจิด ดังเช่น Bouton d’Or Automaton หรือกระดุมทองซ่อนอัปสร ผลงานหนึ่งเดียวในโลกซึ่งตกแต่งด้วยโมทีฟกระดุมทองหรือ Bouton d’Or ซึ่งเมซงริเริ่มใช้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ตกแต่งบนก้านทองอันอ่อนช้อยของวงกลีบดอกเบญจมาศ ซึ่งติดตั้งอยู่บนตัวฐานนาฬิกาสร้างสรรค์จากศิลาธูไลต์สีชมพูและชาโรไอต์สีม่วง เมื่อไขลานกลีบดอกจะค่อยๆ บานออก เผยให้เห็นนางอัปสรร่างทองพร้อมปีกลงยาสีสันอ่อนช้อย เจ้าของดวงหน้าประดับเพชรทรงเหลี่ยมกุหลาบกำลังเคลื่อนไหวราวกับเริงระบำด้วยปลายเท้าไปตามจังหวะเพลง ส่วนเวลานั้นจะแสดงชั่วโมงและนาทีด้วยเข็มผีเสื้อประดับอัญมณี กลไกนี้สำรองพลังงานได้นาน 8 วัน
ความฝันที่บินได้
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่าน แบรนด์นาฬิกาสุดอาวองต์การ์ดอย่าง MB&F ได้จับมือกับแบรนด์นาฬิกาตั้งโต๊ะระดับตำนานอย่าง L’Epée 1839 สร้างสรรค์ผลงานร่วมกันมาแล้ว 15 ชิ้น ซึ่งล้วนแต่โดดเด่นด้วยดีไซน์ เทคนิค และความประณีตงดงาม รวมถึงผลงานล่าสุด Albatross นาฬิการูปทรงเรือเหาะในสไตล์สตีมพังก์ซึ่งได้ดีไซเนอร์ Eric Meyer มาร่วมออกแบบด้วย
ผลงานชิ้นนี้นำแรงบันดาลใจมาจากเรือเหาะ Albatross ในนิยายเรื่อง Robur The Conquerer ของ Jules Verne ประกอบด้วยชิ้นส่วนทั้งหมด 1,520 ชิ้น ตัวโครงสร้างผลิตจากบราส สตีล และอลูมิเนียม ที่นำมาผสมผสานกัน พร้อมการลงสีด้วยแลคเกอร์ แสดงเวลาด้วยระบบตีบอกเวลาตามชั่วโมงและครึ่งชั่วโมง และยังเป็นหุ่นกลใบพัดอัตโนมัติ 16 คู่ที่จะหมุนทุกๆ ชั่วโมง ภายในตัวเครื่องบินจะมีกลไกและระบบขึ้นลานอย่างละสองตัว ตัวหนึ่งสำหรับส่งพลังงานในการแสดงเวลาและตีบอกเวลา อีกตัวสำหรับสร้างพลังงานให้ใบพัด ผลิตออกมา 5 เฉดสี สีละ 8 เรือน
ภายในดิเอเทลิเย่ร์
ในปีนี้ CHANEL Watchmaking Creation Studio พาเราก้าวเข้าสู่เวิร์กช็อปของมาดมัวแซลชาเนลบนถนนกัมบง โดยนำเสนอออกมาเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะหนึ่งเดียวในโลก Musical Clock Couture Workshop ภายในโดมกระจกจำลองบรรยากาศของสถานที่ทำงาน ตกแต่งด้วยแชนเดอเลียร์ทองประดับเพชร ส่องประกายลงมายังหุ่นลองชุดซึ่งทำจากเซรามิก ตกแต่งด้วยเข็มหมุดเพชร ด้านล่างล้อมด้วยเส้นสีขาวซึ่งเหมือนกับสายวัดตัว แต่ที่จริงทำหน้าที่แสดงเวลา 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนตัวฐานด้านล่างสร้างสรรค์จากออนิกซ์สีดำแต่งลายควิลต์ ภายในบรรจุด้วยกลไกที่สร้างสรรค์โดย Reuge ซึ่งนาฬิกานี้เป็นทั้ง automaton และ music box เมื่อใช้กุญแจทองประดับเพชรไขลาน ทุกอย่างก็จะมีชีวิต ฐานของหุ่นลองชุดจะหมุนไปตามจังหวะเสียงเพลง My Woman ของ Al Bowlly ที่มาดมัวแซลชื่นชอบ
อวกาศและเวลา
เมื่อพูดถึง URWERK เรามักนึกถึงผลงานล้ำๆ และก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ (ไม่แปลกใจเลยที่ผลงานของแบรนด์จะโดนใจ โรเบิร์ต ดาวน์นีย์ จูเนียร์ ซึ่งถึงขนาดส่งอีเมลมาถึงแบรนด์ด้วยตนเอง เพื่อติดต่อว่าอยากสวมใส่นาฬิกาของแบรนด์เข้าฉากในเรื่อง Spiderman: Homecoming)
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือนาฬิกา SpaceTime Blade ซึ่งเป็นมากกว่านาฬิกาแสดงเวลาแบบที่เราคุ้นเคย หากแต่เป็นเครื่องมือบอกเวลาแห่งอวกาศ ซึ่งนำเสนอออกมาในรูปแบบแท่งท่อแก้วที่สูงถึง 1.70 เมตรและหนัก 20 กิโลกรัม และประกอบด้วยชิ้นส่วนมากถึง 1,446 ชิ้น โดยภายในประกอบด้วยหลอดแก้ว 8 ชิ้นซึ่งถูกเป่าขึ้นในเวิร์กช็อปของ Mr. Votrubec ในสาธารณรัฐเช็กซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า Crystal Valley และภายในหลอดแก้วบรรจุเหล็กฟอนต์ตัวเลข เมื่อเปิดกระแสไฟ จะปรากฏตัวเลขเป็นแสงสีส้มในเสี้ยววินาทีเพื่อแสดงเวลาเป็นชั่วโมงและนาทีแบบปกติ ไปจนถึงการแสดงระยะทางการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
เฟลิกซ์ โบมกาเทอร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์บอกว่า “นี่เป็นเครื่องมือที่ไม่เหมือนใคร ย้ำเตือนถึงสถานะของเราในฐานะผู้โดยสารบนยานอวกาศที่มีชื่อว่าโลก ซึ่งเคลื่อนไปในกาแล็กซี่ด้วยความเร็วสุดอัศจรรย์” ผลงานนี้ผลิตในแบบจำนวนจำกัดเพียง 33 เรือนเท่านั้น
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
Mad Max? จะเรียกแบบนั้นก็ได้ เพราะผู้ก่อตั้ง MB&F คนนี้ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าวงการนาฬิกาที่แสนจะคลาสสิกด้วยความคิดบ้าคลั่ง
ใช่ว่าต้องใส่แค่บนข้อมือเท่านั้นนี่นะ! ลอฟฟีเซียลพาส่องวิธีสวมใส่นาฬิกาแบบครีเอทีฟตามสไตล์คนดัง