บทสัมภาษณ์ของ พัคโบกอม, คิมโซฮยอน และ อีซังอี นักแสดงนำจาก GOOD BOY

ซีรีส์ GOOD BOY จาก Prime Video ซีรีส์คอมเมดี้ สืบสวนสอบสวน แอ็กชั่นน้ำดีจากเกาหลี บอกเล่าเรื่องเล่าของนักกีฬาอาชีพที่ผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อต่อสู้ในโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากรโดยมีเครื่องหมายตำรวจเป็นเกียรติยศแทนเหรียญรางวัล นำแสดงโดย พัคโบกอม, คิมโซฮยอน, อีซังอี, ฮอซองแท, แทวอนซอก และอีกมากมาย
พัคโบกอม, คิมโซฮยอน และ อีซังอี นักแสดงนำของเรื่อง มีโอกาสเดินทางมาประเทศไทยและพูดคุยถึงเรื่องราวและเบื้องหลังของซีรีส์น้ำดีเรื่องนี้
“GOOD BOY” เป็นซีรีส์ที่มี ทั้งคอเมดี้ แอ็กชั่น และสืบสวน
ถ้าเปรียบอารมณ์ในซีรีส์เป็นเมนูอาหาร คุณจะเปรียบเป็นเมนูอะไร?
พัคโบกอม “ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามีรสชาติของต้มยำกุ้งครับ ถ้าได้ลองกินต้มยำกุ้งแล้ว จะเจอทั้งเห็ด ไหนจะมีผักอีก มีกุ้งด้วยมีผักหลากหลายชนิดและ…เรียกว่าเป็นอาหารที่รวมมิตรทุกอย่างไว้ด้วยกันได้ไหมนะครับ
อาหารหลากชนิดมารวมกันได้อย่างลงตัวกลายเป็นอาหารที่อร่อย คิดว่าต้มยำกุ้งเป็นอาหารแบบนั้นครับ
เป็นผลงานที่ทั้งสนุก สดชื่น และถึงใจครับ เป็นผลงานที่อร่อยมากๆ ครับ”
คิมโซฮยอน “เมื่อสักครู่คุณโบกอมได้พูดถึงอาหารไทยไปแล้ว ฉันเลยขอเลือกอาหารเกาหลี บิบิมบับค่ะ
ทุกคนรู้จักบิบิมบับกันใช่ไหมคะ คนสุดท้ายน่าจะเหนื่อยหน่อยนะคะ มีทั้งผักหลายชนิด เนื้อ ไข่ รวมอยู่ด้วยกัน ละครของพวกเราก็มีทั้งคอมเมดี้ แอ็กชัน สืบสวน โรแมนซ์ใช่ไหมคะ แต่ละส่วนผสมกันอย่างลงตัว เหมือนกับบิบิมบับที่อร่อยค่ะ”
อีซังอี “GOOD BOY เป็นเหมือนกับมังคุดครับ เพราะได้ยินว่าตอนนี้เป็นหน้ามังคุดครับผลงานที่เหมาะกับการรับชมที่สุดในอากาศแบบนี้ ในช่วงเวลานี้ก็คือ GOOD BOY ครับ”
พัคโบกอม “ให้ทานบิบิมบัมเป็นจานหลักนะครับ ส่วนข้าง ๆ มีต้มยำกุ้งทานเป็นน้ำแกงเสร็จแล้วก็ทานมังคุดเป็นของหวานได้เลยครับ”
ตัวละครของพวกคุณทั้งสามมีฉากแอ็คชันที่ต้องใช้ร่างกายเยอะ
คุณมีการฝึกฝนอะไรเป็นพิเศษไหม? รวมถึงต้องมีการฝึกฝนตามประเภทกีฬาของตัวละครของคุณอย่างไรบ้าง (เช่นฝึกต่อยมวย / ฝึกยิงปืน / ฝึกฟันดาบ)?
พัคโบกอม “สำหรับผมรับบทยุนดงจู อดีตนักมวยเหรียญทอง ผมผ่านการฝึกซ้อมมวยมากกว่า 6 เดือนครับ
และนอกจากซ้อมมวยแล้วก็มีเวทเทรนนิ่งไปด้วยเพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกายครับ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการแสดงเป็นดงจูคือเขาเป็นคนที่กระตือรือร้นและร่าเริงแต่ในขณะเดียวกัน ภายในก็มีจิตใจที่อบอุ่นและอ่อนโยน
ที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีทักษะทางกีฬาที่ดีมาก ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ”
คิมโซฮยอน “สำหรับฉัน เนื่องจากฮันนาเป็นนักกีฬายิงปืน ฉันก็เลยได้ฝึกยิงปืนเยอะค่ะ การฝึกยิงปืนต้องใช้ความอดทนอย่างมากค่ะ หลังจากที่ฉันได้มาเป็นตำรวจและได้ยิงปืนเวลาออกปฏิบัติจริง ส่วนตัวรู้สึกว่าทำให้อดทนกับเสียงดังได้ดีและช่วยเพิ่มความกล้าหาญค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะไม่ค่อยกลัว รู้สึกว่าความหวาดกลัวหายไปค่อนข้างเยอะเลยค่ะ”
อีซังอี “สำหรับจงฮยอนเป็นนักกีฬาฟันดาบ ผมได้เรียนฟันดาบประมาณ 6-7 เดือนครับ และที่สำคัญประเภทที่ผมเล่นคือเซเบอร์ครับ ก็เลยได้เรียนเซเบอร์เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร จงฮยอนเป็นคนที่ใช้สมองคิดนำ วางแผน
และตัดสินก่อนเสมอ ช่วงนี้ผมก็ยังคงพยายามที่จะเป็นเหมือนจงฮยอนในมุมนี้อยู่ครับ”
เรื่องราวใน Good Boy บอกเล่าเรื่องการทำงานเป็นทีม
ซึ่งเราคิดว่าเคมีระหว่างนักแสดงถือเป็นเรื่องสำคัญ
บอกวิธีการที่ทำให้ตัวละครทุกตัวดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตามธรรมชาติให้เราฟังหน่อยหรือคุณมีวิธีสร้างความกลมเกลียวและความสนิทในทีมนักแสดงอย่างไร
อีซังอี “ผมขอตอบก่อนครับ เพราะว่า…ตอนที่ผมตกลงเล่นเป็นจงฮยอน และได้ยินว่าคุณพัคโบกอมจะแสดงเป็นยุนดงจู
ตอนนั้นคุณพัคโบกอมกำลังแสดงมิวสิคอลอยู่ครับ และวันที่ผมสามารถไปดูได้ ก็เป็นวันสุดท้ายของการแสดงพอดี
แต่ผมอยากดูมาก ๆ ก็เลยรีบไปดูการแสดง จำได้ว่าได้ทักทายกันครั้งแรกที่ห้องพักครับ ก็ได้รู้จักกันแบบนั้น
หลังจากนั้นได้ทานอาหารด้วยกันทั้งทีมและสนิทกันมากขึ้นครับ”
คิมโซฮยอน “ฉันเป็นคนเก็บตัวมากค่ะ ถ้าเป็น MBTI ก็เป็น I ค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับฉัน การต้องทำอะไรร่วมกับคนอื่นจะรู้สึกเกร็งค่ะ มีนิสัยที่ไม่ค่อยกล้าเป็นฝ่ายเริ่มทำอะไรก่อน การที่ทั้งสองท่าน รวมถึงนักแสดงทุกท่าน
ชวนไปกินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยว ไปคาเฟ่ การที่มาชวนแบบนี้ ถึงฉันจะเกร็ง แต่ก็รู้สึกขอบคุณมากค่ะ รู้สึกว่าฉันก็ต้องพยายามทำอะไรแบบนี้บ้าง แค่สนุกไปด้วยกันก็พอแล้ว เพราะทุกคนทำให้บรรยากาศออกมาสบาย ๆ ทำให้ฉันสามารถพูดคุยและสนิทสนมกับทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ”
พัคโบกอม “ระหว่างถ่ายทำ พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ผมก็จะคิดถึงพวกเขาเสมอครับ ทุกครั้งที่คิดถึง ก็จะบอกว่าคิดถึง
และทุกครั้งที่มารวมตัวกันก็จะทานข้าวด้วยกันตลอดครับก็เลยได้ทัวร์ร้านเด็ดที่พูซาน และเหมือนกับที่คุณโซฮยอนกล่าวไว้เมื่อสักครู่ได้ไปคาเฟ่ แบ่งเครื่องดื่มอร่อย ๆ ทานกัน ไปดูมิวสิคอลด้วยกัน พอมีความทรงจำด้วยกันเยอะ
ระหว่างตอนถ่ายทำก็เลยยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นมีความสุขมากที่ได้มาเจอกับพวกเขาครับ”
ระหว่างทางการถ่ายทำมีเหตุการณ์หรือเรื่องราวอะไรที่ประทับใจบ้าง (เช่นเรื่องราวเซอร์ไพรส์,ความสนุก ความท้าทาย หรืออื่นๆ)
พัคโบกอม :ผมประทับใจฉากโรงงานสี ในซีเควนซ์สุดท้ายของตอน 1 ที่เพิ่งฉายไปเมื่อวานครับ
ตอนนั้นถ่ายทำไป 2 วัน ตอนที่ได้อ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกประทับใจมากและอยากจะแสดงฉากนี้ออกมาให้ดี
ได้เจอกับผู้กำกับและเตรียมฉากนี้ร่วมกับผู้กำกับแอ็กชันพวกเราทุ่มเทและตั้งใจทำมันออกมามาก ๆ ครับ
เป็นการถ่ายทำที่คุ้มค่ามาก พอได้ดูฉากนี้เมื่อวานเลยรู้สึกภูมิใจครับ
ฝากรอติดตามตอน 2 ที่จะฉายในวันนี้ด้วยนะครับ
คิมโซฮยอน :ฉันเองก็ประทับใจแอ็กชันเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะแอ็กชันของฉันในตอน 1 เป็นการถ่ายทำในช่วงต้น ๆ
ของละครเลย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีเซนส์ทางแอ็กชัน ไม่ค่อยมีเทคนิคเท่าไหร่ แต่พอลองเล่นดู ก็รู้สึกว่าสนุกและยากกว่าที่คิด แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ด้วยค่ะ ก็เลยมอนิเตอร์ดู ทำให้รู้ว่า “อ๋อ ตรงนี้ควรทำแบบนี้จะดีกว่าสินะ”
เริ่มสั่งสมเทคนิค การแสดงแอ็กชันของฉันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่องฝากทุกคนรอติดตามด้วยนะคะ
ถึงแม้จะเป็นฉากที่มีจุดที่รู้สึกเสียดายไปบ้าง แต่ก็มีความหมายมากเพราะเป็นฉากแอ็กชันแรกที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นกันก็เลยประทับใจเป็นพิเศษค่ะ
อีซังอี :ทั้งสองท่านพูดถึงแอ็กชันไปแล้ว สำหรับผมอยากพูดถึงฉากห้องทำงานของทีมสืบสวนพิเศษครับ
แต่ละคนมาจากคนละที่ มารวมตัวเป็นทีมเดียวกัน และค่อยๆ สร้างทีมเวิร์คที่ดีในห้องทำงานจะมีสงครามประสาทซ่อนอยู่ด้วย บางทีพวกเราก็ต้องกลั้นหัวเราะด้วยเลยอยากให้รอติดตามภาพของพวกเราในห้องทำงานด้วยครับ
คิดว่าถ้าตัวละครที่รับบทบาทไม่พลิกเส้นทางชีวิตมาเป็นตำรวจ
ตอนนี้จะกำลังทำอะไรอยู่ และเพราะอะไรถึงคิดเช่นนั้น
พัคโบกอม :ทั้งตัวละครของผมและนักแสดงทุกท่านเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติที่ต้องใช้ร่างกายมาก่อน
เลยคิดว่าน่าจะยังอยู่ในทีมชาติในฐานะนักกีฬาหรือไม่ก็อาจจะช่วยฝึกสอนรุ่นน้องในฐานะโค้ชครับ
อีกอย่างคือดงจูเป็นตัวละครที่มองแต่ฮันนาคนเดียวเลยคิดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพให้ฮันนาครับ
อีซังอี : ผมก็เห็นด้วยครับว่าน่าจะเป็นแบบนั้นน่าจะดีถ้าทุกคนรอติดตามเนื้อหาต่อไปในอนาคตครับ
สำหรับจงฮยอน เหมือนกับที่คุณพัคโบกอมพูดไปเมื่อสักครู่กีฬาฟันดาบมีความหมายกับจงฮยอนมาก
เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักกีฬาฟันดาบเช่นกันครับ
คิมโซฮยอน : ฮันนาก็น่าจะเหมือนกันค่ะ ตอนเป็นนักกีฬา เธอใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยมีอิสระและมีข้อจำกัดหลายด้าน
เลยคิดว่าถ้าตอนที่เพิ่งเลิกอาชีพนักกีฬา น่าจะไปเที่ยวต่างประเทศค่ะ ไปเที่ยว ไปสัมผัสกับอะไรใหม่ ๆ อย่างเป็นอิสระ
ได้ลองเปิดประสบการณ์ทำสิ่งต่างๆและหลังจากนั้นก็คงกลับไปสู่การยิงปืนเช่นเคยค่ะ
ถ้ามีแฟนๆ ส่งของขวัญที่เป็น “ไอเท็มประจำตัว”
ให้ตัวละครของคุณใน Good Boy
คุณคิดว่าไอเท็มชิ้นไหนจะเหมาะที่สุดกับตัวละครของคุณ
และทำไมถึงเลือกสิ่งนั้น?
พัคโบกอม : ส่วนตัวผมคิดว่าความรักของทุกคนคือของขวัญชิ้นใหญ่ แค่ทุกคนรักละครเรื่อง GOOD BOY ก็เป็นของขวัญที่ใหญ่มากแล้วครับ
คิมโซฮยอน : คือคุณโบกอมตอบดีมากเลยค่ะ… ฉันเองก็… ถ้าทุกคนได้ดูละครแล้ว ได้เห็นตัวละครของฮันนา
และลองทำอะไรแบบฮันนา ที่บางทีก็ตัดสินใจทำอะไรแบบเด็ดขาด ทำสิ่งที่เคยอยากทำแต่ต้องอดทนเก็บมันไว้หรือไม่มีโอกาสได้ทำลองกล้าที่จะทำสิ่งนั้นดูสักครั้งและได้รู้สึกว่า “โอ๊ะ มันดีมากเลยนะ” ถ้าทุกคนได้ลองมีประสบการณ์แบบนั้นน่าจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับฉันเลยค่ะ
อีซังอี : ใช่ครับ เหมือนกับที่คุณโบกอมกล่าวไว้สักครู่ แทนที่จะเป็นของขวัญที่เป็นสิ่งของหรือไอเท็มประจำตัว
ความรักและกำลังใจจากทุกคนคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วครับ แต่ถ้าเกิดความคิดว่าอยากจะให้ของขวัญพวกเรา
ให้ทุกคนเขาไปรับชมละครเรื่องนี้ผ่าน Prime Video อีกสักครั้ง ดูแล้วดูอีก ก็จะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่มากสำหรับพวกเราแล้วครับ
(พัคโบกอม) ตอนที่คุณสร้างตัวตนของตัวละครนี้ขึ้นมา
คุณมีแรงบันดาลใจจากนักกีฬา บุคคลสาธารณะ
หรือคนใกล้ตัวคนไหนบ้างหรือไม่?
พัคโบกอม :ไม่มีครับ ตอนที่ผมเตรียมตัวเพื่อแสดงบทยุนดงจู ผมอยากจะเข้าถึงตัวละครดงจูตามแบบที่นักเขียนได้บรรยายเอาไว้ให้ดีที่สุด และอยากจะถ่ายทอดตัวละครออกมาให้ดีที่สุดครับ เลยมีการพูดคุยกับนักเขียนและผู้กำกับเยอะมากเพื่อสร้างตัวละครนี้ออกมาครับ
(พัคโบกอม) ถ้า “ยุนดงจู” ต้องจีบสาวด้วยท่าไม้ตายแบบนักมวย
คุณคิดว่าเขาจะเลือกออกหมัดแบบไหน?
แล้วถ้าคุณต้องใช้หมัดนั้นจีบจริง ๆ ในชีวิตจริง คิดว่าจะได้ผลไหม
หรืออาจโดนสวนกลับ?
พัคโบกอม : ดงจูเนี่ย เขาจะใช้หมัดแค่ตอนแข่งกีฬาครับ เป็นตัวละครที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรม ถ้าเขาจะจีบคนที่เขาชอบ เขาคงไม่ชูหมัดขึ้นมาครับ เขาน่าจะอยู่เคียงข้างคนที่ชอบ
ถ้าเกิดว่าคน ๆ นั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือไม่เป็นธรรม เขาจะวิ่งไปหาคน ๆ นั้นเหมือนกับเป็นซุปเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งคิดว่านั่นน่าจะเป็นวิธีการจีบสาวของดงจูครับ
(คิมโซฮยอน)
คุณตีความตัวละครของคุณให้ออกมาเป็นผู้หญิงแบบไหน
เล่าให้เราฟังหน่อย
คิมโซฮยอน :ฉันก็เหมือนกันค่ะ ตัวละครฮันนาไม่ได้ยึดใครเป็นต้นแบบค่ะ แก่นแท้ของตัวละครฮันนาคืออะไรกันนะ
ถ้าสังเกตดู ฮันนาเป็นคนที่ร้อนแรงมากค่ะ ถ้าดูจากภายนอกอาจเหมือนเปลวเทียนที่นิ่งสงบ พลิ้วไหวอย่างนิ่ง ๆ
แต่ภายในมีความมุ่งมั่นและหัวใจที่ร้อนแรง เลยทำให้บางครั้งเธอตัดสินใจทำอะไรอย่างเด็ดขาดและกล้าที่จะลงมือทำอะไรบางอย่างฉันเลยพยายามศึกษาและถ่ายทอดมุมเหล่านี้ออกมาให้ได้เห็นค่ะ
(คิมโซฮยอน) ถ้าคุณสามารถให้คำแนะนำ 1 อย่างให้กับจีฮันนา
ในฐานะคิมโซฮยอนคุณจะบอกอะไรกับเธอ
คิมโซฮยอน : ช่วยอ่อนโยนกับดงจูกว่านี้หน่อยสิ ที่จริงทุกคนต้องรอติดตามเรื่องราวต่อไปด้วยค่ะ
แต่ในช่วงต้น ๆ ของเรื่อง ส่วนมากฮันนาทำตัวเย็นชาใส่ดงจู ที่กองถ่าย สตาฟหลายคนก็ยังรู้สึกสงสารดงจูเลยค่ะ
บอกว่าฮันนาใจร้ายจัง เย็นชากับดงจูมากเลยก็เลยคิดว่าใจดีกับดงจูมากขึ้นหน่อยก็ได้ค่ะ
(อีซังอี) ความน่าทึ่งของคุณ
คือคุณมีภาพลักษณ์ซึ่งเป็นที่จดจำของคนดูทั้ง
“ผู้ชายอบอุ่นโรแมนติก” และ “ตัวร้ายสายโหด“
ถ้าหากถามตัวคุณเองในฐานะที่เป็นคนดู
คุณชอบเห็นตัวเองในบทบาทไหนมากกว่ากัน?
อีซังอี : ด้วยความที่เป็นสิ่งที่ผู้ชมเป็นคนดู ถ้าให้ผมตัดสินน่าจะยากครับ แต่ถึงจะอย่างนั้น…ไม่ค่อยแน่ใจเลยครับ…ไม่รู้จริงๆ ครับ เพราะว่าผมตั้งใจทำทุกบทบาทที่ได้รับถ้าให้เลือกแค่อย่างเดียวน่าจะยากเกินไป ผมหวังว่าทุกท่านส่งกำลังใจให้กับผมในการพลิกบทบาทและท้าทายอะไรใหม่ๆครับ
ไม่รู้จริงๆ ครับ
พัคโบกอม :ส่วนตัวแล้ว สิ่งที่สัมผัสได้จากการร่วมงานกับคุณซังอีในละครเรื่องนี้ และในฐานะที่ผมก็เป็นแฟนประจำที่คอยติดตามผลงานชิ้นก่อนๆ ของคุณซังอีอยู่เรื่อยๆ ในแต่ละบทบาทที่เขาได้รับ ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก
แต่รวมถึงวิธีการพูด การแสดงสีหน้า และรายละเอียดต่างๆเขาเป็นนักแสดงที่สามารถสื่อสารมันออกมาในรูปแบบของตัวเองคิดว่าเขาจะได้แสดงมุมใหม่ ๆ ให้ทุกคนได้เห็นผ่านตัวละครที่หลากหลายผมเองในฐานะนักแสดง เพื่อนร่วมงาน และน้องชายก็รอติดตามเหมือนกันครับ
(อีซังอี) ถ้าคุณต้องเจอคู่แข่งหัวใจอย่าง “ยุนดงจู”
คุณคิดว่าจะสู้ไหวไหม อะไรเป็นจุดแข็งที่ “คิมจงฮยอน” มีเหนือกว่า “ยุนดงจู“?
อีซังอี : คำถามยากมากเลยนะครับ ในชีวิตนี้ ผมไม่เคยต้องต่อสู้เพื่อความรักหรือเพื่อใครสักคน
ก็เลยไม่รู้เลยครับ ถ้าคิดถึงเสน่ห์ของจงฮยอนแล้ว จริงๆ แล้วจงฮยอนเป็นคนเก่งทั้งฟันดาบและเทควันโด
แต่ผมคิดว่าเสน่ห์ของจงฮยอนคือ ความรับผิดชอบครับ เวลาที่เขาต้องการจะปกป้องอะไรบางอย่าง เขาจะพยายามอย่างหนักมากและบางทีความรับผิดชอบและความพยายามนั้นก็อาจจะมีมากเกินไปจนทำให้กดดัน แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการมีความรับผิดชอบ คือเสน่ห์ที่สำคัญที่สุดของจงฮยอนครับ
ถ้าให้แลกบทบาทกันหนึ่งวันแต่ละคนอยากสลับกับบทของนักแสดงฮอซองแทหรือนักแสดงแทวอนซอก และเพราะอะไรคะ?
พัคโบกอม : ถ้าจากมุมมองของดงจู เขาเป็นคนที่ชอบกินมากๆถ้าต้องสลับบทบาทกันแค่หนึ่งวัน
ผมอยากลองใช้ชีวิตเป็นตัวละครแจฮง ของนักแสดงแทวอนซอกครับ ตัวละครแจฮง ของนักแสดงแทวอนซอกเป็นมังสวิรัติครับ
คิมโซฮยอน : ฉันอยากลองเล่นบทตัวละครหัวหน้าทีมโกมันชิก ของนักแสดงฮอซองแทค่ะ เพราะว่าเขาต่างกับฮันนาโดยสิ้นเชิงเลยฮันนาเป็นตัวละครที่ค่อนข้างสำรวมแต่หัวหน้าทีมโกมันชิกเป็นคนที่วิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา มีโดนตีบ้าง
เป็นตัวละครที่มีจุดสนุก ๆ อยู่ในตัวเยอะ ก็เลยอยากจะลองสลับดูสักครั้งค่ะ
อีซังอี : คำถามให้เลือกระหว่างตัวละครของนักแสดงแทวอนซอกหรือฮอซองแทแต่ผมอยากลองเล่นบทจีฮันนาของนักแสดงคิมโซฮยอนดูครับ อยากจะลองสัมผัสเสน่ห์ของการยิงปืนดูสักครั้งและน่าจะขยับตัวน้อยกว่าฟันดาบด้วย ก็เลยอยากลองดูสักครั้งครับ
ถ้าให้เลือก 1 คำ เพื่ออธิบายตัวละครของแต่ละคน
จะเป็นคำว่าอะไร?
พัคโบกอม : สำหรับผมคือคำว่า bulldozer (รถแทรกเตอร์) ครับ ดงจูเป็นคนที่มีนิสัยร้อนแรงดั่งไฟเวลาเห็นความอยุติธรรมจะอดทนไม่ได้ แต่จิตใจของเขานั้นเป็นคนที่มีความภักดีและมีความผูกพันกับคนรอบข้างครับ
อีซังอี : จงฮยอนเป็นเหมือนกับหงส์ครับ เหมือนกับชุดกีฬาฟันดาบสีขาว ภายนอกดูหรูหราสวยงาม
แต่ภายใต้สิ่งนั้น ต้องคอยเตะถีบขาออกไปตลอดเพื่อความอยู่รอด จงฮยอนก็เช่นกัน เขาเหมือนกับหงส์ขาว
ในทั้งความพยายามและความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้สำเร็จครับ
คิมโซฮยอน : ฮันนาเป็นเหมือนกับเปลวไฟค่ะเปลวไฟเนี่ย อาจจะเริ่มจากประกายเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแต่พอลุกโชนมากขึ้นก็กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้คิดว่าคำนี้เหมาะกับฮันนามากเลยค่ะ
อยากให้แต่ละท่านเล่าความประทับใจในประเทศไทย
พัคโบกอม : ก่อนอื่นเลย ไม่ว่าจะมาเมืองไทยเมื่อไหร่ แฟนๆ ชาวไทยก็จะคอยต้อนรับอย่างสดใสเสมออยากขอบคุณแฟน ๆ จากใจจริงเลยครับ ต้องขอบคุณความรักและกำลังใจที่แฟน ๆ ส่งมาให้ที่ผ่านมาตารางงานยุ่งมาก แต่แฟน ๆ
ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาหายไปหมดเลยสำหรับผมเป็นตารางงานที่มีความสุขมากจริง ๆ ครับ
คิมโซฮยอน :ฉันชอบประเทศไทยมาก ๆ เลยค่ะ ปกติก็ชอบมากอยู่แล้ว รักอาหารไทยมาก ๆ ด้วยค่ะ และทุกครั้งที่มา ไม่ว่าจะเป็นแฟนๆ ชาวไทย หรือ ทุกคนที่ได้เจอเวลาทำงาน ทุกคนจะต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใสเสมอเลยและพูดคุยด้วย ทำให้ได้รับเอเนอร์จี้ดี ๆ กลับไปค่ะ รู้สึกได้รับพลังงานบวกกลับไปเสมอ เลยรักประเทศไทยมากจริง ๆ ค่ะ
อีซังอี : เป็นครั้งแรกที่ผมมาประเทศไทยเพื่อการทำงาน ทุกคนต้อนรับดีมาก ๆ ผมมีความสุขมากครับ
ผมเป็นคนชอบทานมาก โชคดีที่อาหารไทยถูกปากผมมาก ตลอดช่วงเวลาที่อยู่เมืองไทยมีความสุขมากเลยครับ
ขอบคุณจากใจจริงเลยครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
เตรียมพบกับความสนุกครั้งใหม่ GOOD BOY ซีรีส์เกาหลีแนวคอเมดี้-แอ็กชั่น
บทสัมภาษณ์พิเศษจากนักเเสดงนำซีรีส์ When Life Gives You Tangerines
SEOBOK หนังแอ็กชั่น-ไซไฟ ต้องน่ารักกันขนาดนี้เลยไหม