Blog

บทสัมภาษณ์พิเศษจากนักเเสดงนำซีรีส์ When Life Gives You Tangerines

ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน (When Life Give You Tangerines) นำเสนอเรื่องราวการถ่ายทอดเรื่องราวความรักตั้งแต่สมัยวัยเด็กจนต่อเนื่องไปจนถึงวัยบั้นปลายชีวิต นำเเสดงโดย พัคโบกอม ในบทบาท กวานชิก เเละ ไอยู ในบทบาท เเอซุน นอกเหนือจากเรื่องความรักเเล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพ ความผูกพันของครอบครัว เเละการไล่ล่าความฝันของตัวเอง ซีรี่ส์ที่อบอุ่นหัวใจ เหมาะสำหรับการนั่งดูกับครอบครัวเเละคนรัก บทสัมภาษณ์กลุ่มกับนักแสดงนำซีรีส์จาก Netflix เรื่อง When Life Gives You Tangerines

พวกคุณเคยผ่านผลงานแนวรักโรแมนติกมาก่อน เรื่องราวความรักระหว่างแอซุนและกวานชิกในเรื่อง ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน (When Life Gives You Tangerines) แตกต่างกับผลงานเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง?

ไอยู: การถ่ายทอดเรื่องราวความรักตั้งแต่สมัยวัยเด็กจนต่อเนื่องไปจนถึงวัยบั้นปลายชีวิต เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้พิเศษกว่าเรื่องอื่นๆ ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้แสดงในผลงานที่มีเรื่องราวแบบนี้ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันตัดสินใจรับบทนำในซีรีส์เรื่องนี้ด้วยค่ะ

พัคโบกอม: เรื่องราวชีวิตของแอซุนและกวานชิกทั้งน่ารักและน่าเอ็นดูครับ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมอยากร่วมแสดงในเรื่องนี้ให้ได้ครับ

อะไรคือเหตุผลที่คุณตัดสินใจรับบทในซีรีส์ ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน (When Life Gives You Tangerines)

ไอยู: หลักๆ คือเรื่องราวความรักอันแสนงดงามที่เอาชนะใจฉัน และนี่เป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดงที่ฉันจะได้รับบทตัวละครเดียวกันในหลายช่วงอายุ ฉันเลยอยากลองดูค่ะ อีกอย่าง พอได้ยินว่านักแสดงที่จะมารับบทคู่กับฉันคือพัคโบกอม เลยคิดว่าไม่ควรพลาดโอกาสนี้ค่ะ

พัคโบกอม: ผมประทับใจกับเรื่องราวความรักระหว่างแอซุนและกวานชิกที่ถ่ายทอดออกมาในตลอดช่วง 4 ฤดูกาล มันเป็นซีรีส์ที่ในอนาคตผมอยากกลับมานั่งดูกับครอบครัว และอยากแนะนำให้แฟนๆ ได้รับชม นอกจากนี้ การได้ร่วมงานคู่กับไอยูก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ผมตัดสินใจเล่นเรื่องนี้ด้วยครับ

ในซีรีส์เรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตัวละครตามอายุและช่วงเวลา พวกคุณเคยคิดไหมว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างไรบ้างในชีวิตจริง

ไอยู: ด้วยความที่ฉันเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงอายุสิบกว่าปี ทุกวันนี้จึงยังมีภาพลักษณ์ในอดีตของฉันให้เห็นเป็นหลักฐานอยู่ ฉันจึงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนเลยค่ะ เช่น ลักษณะการพูดเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน หรือในตอนนั้นฉันรู้สึกแบบนั้นสินะ ถ้าเทียบกับช่วงที่ฉันอายุสิบกว่า ฉันรู้สึกชิลมากขึ้น มีมุมมองโลกที่กว้างขึ้น และมองเห็นถึงความสุขได้ง่ายขึ้น ตอนเด็กๆ ฉันอาจจะมีมุมที่เย็นชาบ้าง แต่ในตอนนี้ที่วัยเข้าเลข 3 แล้วก็รู้สึกว่าอ่อนโยนขึ้นค่ะ

พัคโบกอม: ผมเองก็เริ่มเข้าวงการแสดงตั้งแต่วัยสิบกว่าปีเช่นกัน ผ่านทั้งช่วงชีวิตวัยเรียน การเกณฑ์หาร ได้เจอผู้คนหลากหลายและสั่งสมประสบการณ์มากมาย ทำให้สามารถมองโลกได้กว้างขึ้นและมีเวลาย้อนกลับมามองตัวเอง เลยคิดว่าน่าจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเมื่อก่อนครับ

นอกจากตัวละคุณแล้ว หากคุณสามารถกล่าวอะไรสักอย่างกับตัวละครในซีรีส์ ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน (When Life Gives You Tangerines) อยากจะบอกอะไรกับใคร?

ไอยู: อยากบอกตัวละครที่ปิ๊งขึ้นมาในหัวตอนนี้ค่ะ “อึนมยอง เธอเก่งที่สุดแล้ว! เธอเองก็เก่งในทุกๆ อย่างเลยนะ!”

พัคโบกอม: ผมอยากบอกกับนักแสดงทุกคนในผลงานเรื่องนี้ตามประโยคที่เป็นชื่อซีรีส์ในภาษาเกาหลีเลยครับ “คุณเก่งมาก ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทครับ” (*ชื่อซีรีส์ภาษาเกาหลี 폭싹 속았수다 เป็นภาษาท้องถิ่นเชจู หมายความว่า “Thank You For Your Hard Work” ซึ่งใช้เพื่อชื่นชมและขอบคุณหลักจากผ่านความยากลำบากหรือทำงานอย่างหนัก)

หากมีโอกาส คุณอยากบอกอะไรกับตัวคุณในวัยเด็กซึ่งกำลังตามล่าหาความฝัน?

พัคโบกอม: ตอนนี้นายก็เก่งมากแล้ว ต่อไปต้องเก่งกว่านี้แน่ๆ ขอให้โชคดีนะ!

ไอยู: ลองทำดูก่อน ถ้าไม่ได้ก็ช่างมัน เธอยังมีโอกาสและเวลาอีกเยอะ ถ้าไม่สำเร็จก็เอาใหม่!

แอซุนฝันที่จะเป็นกวี ในฐานะที่คุณเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงมีจุดไหนที่ทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครไหม และถ้าหากแอซุนแต่งเนื้อเพลง คิดว่าเพลงไหนจากผลงานของคุณที่น่าจะเหมาะที่สุด?

ไอยู: เนื่องจากฉันเขียนเนื้อเพลงเองด้วย ฉันว่าเนื้อเพลงกับบทกวีมีความคล้ายกันค่ะ ในมุมมองของคนที่รักการเขียน ฉันจึงเข้าใจแอซุนดี ถ้าให้เลือก แม้จะว่าฉันไม่ได้เป็นคนแต่งเอง แต่ก็ขอเลือกเพลง Daydream ที่ร้องร่วมกับรุ่นพี่ยางฮีอึนแล้วกันค่ะ

หลังจากที่ได้ดูซีรีส์จบไป 4 ตอน ดูเหมือนว่าในเรื่องจะมีเรื่องเล่าคล้ายนิทานพื้นบ้านของเกาหลี และเห็นบรรยากาศของยุคปี 1960-1970 คุณได้เรียนรู้เกี่ยวนิทานพื้นบ้านเกาหลีระหว่างถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้หรือไม่ พอจะเล่าให้ผู้ชมและแฟนๆ ชาวต่างชาติฟังได้ไหม?

พัคโบกอม: รู้จัก “ฮันเซลกับเกรเทล” ไหมครับ ฮ่าๆ

ไอยู: ไม่น่าจะรู้มั้งคะ อาจจะไม่เชิงนิทานพื้นบ้าน แต่ช่วงท้ายๆ ของซีรีส์มีเล่าเกี่ยวกับแมลงปอ

พัคโบกอม: จริงด้วยครับ

ไอยู: ฉันเองก็เพิ่งรู้ตอนได้ดูซีรีส์เหมือนกัน แมลงปอสีดำ หรือแมลงปอยมทูตอะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้แล้ว อย่างไรก็แล้วแต่ในซีรีส์เรามีเรื่องน่าทึ่งเกี่ยวกับแมลงปอด้วย ฝากติดตามด้วยนะคะ

แอซุนและกวานชิกต่างเผชิญกับความทุกข์และความยากลำบาก ในฐานะที่รับบทตัวละครเหล่านี้ คุณได้เรียนรู้อะไรจากพวกเขาบ้าง และมีอะไรที่อยากจะบอกผู้ชมบ้าง?

ไอยู: ดังสุภาษิตที่ว่า “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน” ในช่วงท้ายของซีรีส์มีบทคล้ายๆ กันที่ กล่าวว่า “ช่วยคนแค่คนเดียว ก็ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน” ซึ่งน่าจะเป็นเมสเสจสำคัญที่ซีรีส์เรื่องนี้อยากจะ บอกทุกคนค่ะ ชีวิตของแต่ละคนย่อมมีความสำคัญ ในขณะเดียวกันฉันคิดว่า ความสามัคคี ความห่วงใย และการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามลำบากก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน และยังช่วยเติมเต็มและยกระดับความเป็นมนุษย์อีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการร่วมงานในซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องความรักโรแมนติกระหว่างแอซุนและกวานชิกเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และความผูกพันทางจิตใจด้วยค่ะ

พัคโบกอม: ผมเองก็เห็นด้วยกับไอยูครับ นอกจากเรื่องความโรแมนติกแล้วยังมีเรื่องของความผูกพัน ความรักที่กวานชิกมีให้แอซุนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ความซื่อสัตย์และการแสดงความรักต่อแอซุน และ คนรอบตัวนั้นทำให้รู้สึกชื่นชมตัวละครตัวนี้มาก นอกจากนั้นความซื่อสัตย์ของเขายังเป็นแรงจูงใจให้ผมใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ต่อไปในอนาคตด้วยครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม:

Jisoo เตรียมเเสดงซีรี่ย์ซอมบี้เรื่อง ‘Newtopia’

SEOBOK หนังแอ็กชั่น-ไซไฟ ต้องน่ารักกันขนาดนี้เลยไหม

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg