มารู้จักกับ ‘แพร-มณฑิรา’ หรือ Pairyinwonderland ผ่านเส้นทางชีวิต ความงาม และ ไลฟ์สไตล์ของเธอที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
ในปัจจุบันอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงาม ไม่ว่าจะนิยามตัวเองว่าเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ บิวตี้ยูทูบเบอร์ หรือแม้แต่บิวตี้ติ๊กต็อกเกอร์ ต่างเปิดตัวและสร้างคอนเทนต์ออกมาอย่างมากมาย ทำให้ผู้ชมอย่างเราได้มุมมองและตัวเลือกในการหารีวิวสินค้าความงามหรือคอนเทนต์ความงามได้มากยิ่งขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจะมีเส้นทางอาชีพที่มั่นคงในสายงานนี้ แต่ละคนต้องสร้างความโดดเด่นขึ้นมาให้ชัดเจน เพื่อสร้างแบรนด์ดิ้งของตนเองให้แข็งแรงและมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉบับนี้เราขอพาคุณมาทำความรู้จักกับบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ที่โดดเด่นไม่น้อย หญิงสาวที่ผสมผสานมุมมองแฟชั่นจากประสบการณ์การเป็นนางแบบ ความเป็นผู้หญิง และความรักในโลกของความงามไว้ในคอนเทนต์ของเธอได้อย่างลงตัว ‘แพร-มณฑิรา’ หรือที่รู้จักกันในโซเชียลมีเดียว่า Pairyinwonderland
เริ่มต้นอาชีพนางแบบตั้งแต่เมื่อไร
“จริงๆ แล้วแพรเริ่มจากการแคสติ้ง ทั้งงานโฆษณา ถ่ายแบบมาตั้งแต่อายุ 13 แต่จุดเริ่มต้นการเป็นนางแบบและเริ่มเดินแบบอย่างจริงจังคือตอนที่ตัดสินใจประกวดรายการ Thai Supermodel ในปี 2009 โดยตอนนั้นแพรมีพี่แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ เป็นไอดอล เราได้เห็นพี่แพนเค้กประกวดตอนปี 2004 เลยตัดสินใจไปประกวดตามพี่เขา”
การประกวด Thai Supermodel 2009 ให้อะไรกับแพรบ้าง
“พูดตามตรงว่าดีใจที่ตอนนั้นตัวเองตัดสินใจไปประกวด เพราะนอกจากตำแหน่งและเงินรางวัลที่ได้รับแล้ว เรายังได้มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่ และที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์และสกิลการเป็นนางแบบ การประกวดรายการนี้เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นบทบาทการเป็นนางแบบ แพรได้เรียนรู้หลายอย่างมากจากที่นี่”
เหตุการณ์ประทับใจหรือจำไม่เคยลืมจากการเป็นนางแบบ
“มีหลายโมเมนต์เลยค่ะ แต่ที่จำได้ไม่ลืมต้องยกให้ตอนประกวด Thai Supermodel 2009 นั่นแหละ ตอนนั้นเป็นรอบ 10 คนสุดท้าย รอบนั้นจะมีดีไซเนอร์จากแบรนด์ Tube Gallery ซึ่งก็คือพี่เต้-ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ก่อตั้ง มาหาชุดให้ผู้เข้าแข่งขัน เป็นการเจอกันครั้งแรกของเรา ถึงตอนแรกเขาจะมองว่าร่างเราเล็กเกินไป แต่หลังจากนั้นเราก็ได้ร่วมงานกันบ่อยขึ้น แพรประทับใจในตัวพี่เต้มาก เขาจะคอยให้คำแนะนำ อะไรควรทำและไม่ควรทำ เขาเป็นคนที่เข้ามาคุยกับแพรตรงๆ เสมอ เลยเป็นรุ่นพี่ในวงการที่ประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้”
แล้วจุดเริ่มต้นของความรักในเรื่องความงาม เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ มีมาตั้งแต่เมื่อไร
“เริ่มมาคลุกคลีจริงๆ ตอนที่เป็นนางแบบค่ะ เพราะได้เห็นเทรนด์บิวตี้ที่มาคู่กับเทรนด์แฟชั่นอยู่ตลอด มันก็เปลี่ยนไปตามยุค ตามฤดูกาล แล้วเราชอบพูดคุยกับพี่ๆ เมกอัพอาร์ติสท์อยู่บ่อยๆ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ดีใจค่ะที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งหลายๆ คน ก็จะมีคุยเรื่องเทคนิคต่างๆ หรือเมกอัพชิ้นไหนใช้ได้ดีบ้าง รู้ตัวอีกทีก็เป็นคนที่ชอบแต่งหน้ามากๆ แล้ว”
บิวตี้ทิป 1 ข้อที่รู้สึกเซอร์ไพรส์ตอนได้รู้ และอยากแชร์กับเรา
“ทิปนี้หลายๆ คนอาจจะรู้กันอยู่แล้ว แต่สมัยแพรเป็นนางแบบช่วงแรกๆ สกิลการแต่งหน้าของเรายังน้อยมาก เลยรู้สึกว่าทิปข้อนี้เป็นอะไรที่เปิดโลกก็ว่าได้ นั่นคือการเลือกใช้เมกอัพเพื่อคอนทัวร์กรอบหน้าเรานั้นต้องเป็นเฉดสีน้ำตาลอมเทา แทนที่จะเป็นสีน้ำตาลอมแดงหรือส้มจากบรอนเซอร์ เพราะช่วยสร้างเงาของกรอบหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนบรอนเซอร์นั้นให้จำไว้ว่าเป็นการเติมความอบอุ่นให้กับผิวหน้า เหมือนเราไปอาบแดดมา แต่ไม่สามารถใช้สร้างกรอบหน้าที่เป็นธรรมชาติได้”
ทำไมถึงตัดสินใจมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงาม
“เป็นเรื่องที่อยากเล่ามากๆ ค่ะ การตัดสินใจมาเป็นบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ของแพรก็คือเราเป็นคนผิวไม่ดีเลยตั้งแต่เด็ก ทั้งเรื่องของสิว แถมยังเล่นกีฬาด้วย ทำให้ละเลยการดูแลตัวเองไปบ้าง แต่พอเข้าวงการนางแบบและได้เทคนิคจากเมกอัพอาร์ติสท์มาฝึกมือ เราก็แต่งผิวตัวเองได้ดียิ่งขึ้น จนหลายคนมาถามวิธีการแต่งผิวของเรา จุดเริ่มต้นของการทำคอนเทนต์บิวตี้เลยเริ่มขึ้นตอนนั้น แพรจะอัดวิดีโอแต่งหน้าตามสไตล์ของเราลงไปบนโซเชียลเพื่อให้ทุกคนได้เห็นพร้อมกัน ไม่ต้องมาตอบคำถามเป็นรายคน (หัวเราะ)”
เมื่อได้มาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามแบบจริงจัง ภาพที่คิดไว้ในบทบาทนี้กับสิ่งที่ได้เจอจริงๆ ต่างกันไหม
“เราเคยมองว่าอินฟลูเอนเซอร์เป็นอาชีพที่ง่ายและสบาย คิดว่าหนึ่งวันของเขาคือการอัดคลิปสอนแต่งหน้า หรือแต่งตัวสวยๆ ไปอีเวนต์ แต่พอได้เข้ามาทำจริงๆ แล้วมันแทบจะเป็น full time job เลยก็ว่าได้ มันมีกระบวนการทำงานมากกว่าที่เราเข้าใจ ตั้งแต่การคิดคอนเทนต์เพื่อแพลตฟอร์มต่างๆ การถ่าย การตัดต่อ หรือแม้แต่ไปอีเวนต์ เราต้องคิดเลยว่าจะได้คอนเทนต์อะไรจากงานนั้นๆ รวมไปถึงการแต่งตัว เรียกได้ว่าใช้เวลาเยอะมากๆ และซับซ้อนกว่าที่คิด ซึ่งต่างจากการเป็นนางแบบที่เราเคยทำมาพอสมควร ในการเป็นอินฟลูเอนเซอร์นั้นเราใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้มากขึ้น ในขณะที่การเป็นนางแบบหัวใจหลักของเราคือการพรีเซนต์เสื้อผ้า ก็ค่อยๆ ปรับตัวมาจนเกือบลงตัวแล้วในทุกวันนี้”
แล้วแพรต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง มีข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากเข้ามาเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้บ้างไหม
“ทุกวันนี้แพรรู้สึกว่ามีอินฟลูเอนเซอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราได้เห็นการทำคอนเทนต์ที่มีความ ‘เรียล’ หรือแสดงออกในความเป็นตัวเองมากขึ้น ซึ่งแพรคิดว่ามันดีนะ เพราะเราต้องยอมรับว่าผู้ชมหรือผู้ติดตามทุกวันนี้ดูอินฟลูเอนเซอร์หลายๆ คนมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อหาความหลากหลายของมุมมองความคิด เทคนิค หรือบุคลิกที่เขาสามารถเชื่อมโยงกับตัวเองได้ แพรไม่อยากให้ทุกคนติดภาพเดิมว่าอินฟลูเอนเซอร์ต้องสวยตามสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง การที่คุณใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในคอนเทนต์อย่างพอดีและเหมาะสมก็เป็นเหมือนการที่เราจริงใจกับคนดู และเราจะโดดเด่นขึ้นมาเอง”
แพรเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย ช่วยให้คำแนะนำกับคนที่ยังไม่มั่นใจกับตัวเองหน่อยได้ไหม
“แพรเข้าใจว่าคนเราไม่สามารถมีความมั่นใจมากที่สุดได้ในทุกโมเมนต์ของชีวิต แต่แพรก็อยากให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และเห็นคุณค่าในตัวเองให้มากขึ้น ความมั่นใจของแพรที่ได้มาจากวงการนางแบบและวงการบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ก็คือการได้รู้ว่าความงามนั้นสามารถอยู่ได้ในหลายรูปแบบและไม่มีอะไรตายตัว ฉะนั้นแพรอยากให้ทุกคนดึงความมั่นใจของตัวเองออกมา และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดค่ะ”
บรรณาธิการความงาม: ชยานนท์ จงประเสริฐ
ช่างภาพ : ปัณณทัต เอ่งฉวน