Blog

เบนท์ลีย์สาธิตประสิทธิภาพ eFuel ด้วย Continental GT Speed ​​ใหม่

Bentley Continental GT Speed ใหม่ที่มาพร้อมขุมพลังไฮบริดและการรองรับอีฟิว
บทความ: LuxuoTH ภาพ: เบนท์ลีย์

( ภาษาอังกฤษ )

ไฟฟ้าไม่ใช่แหล่งพลังงานรูปแบบใหม่เพียงอย่างเดียวสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ตัวเลือกหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คือ อีฟิว (eFuel) เชื้อเพลิงสังเคราะห์ในรูปของเหลวนี้ผลิตจากไฮโดรเจนซึ่งได้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับจากอากาศ เราสามารถอีฟิวบริสุทธิ์ก็ได้หรือใช้แบบผสมกับน้ำมันเบนซินก็ได้ และที่สำคัญ คือ โครงสร้างพื้นฐานของสถานีบริการน้ำมันในปัจจุบันนั้นสามารถรองรับอีฟิลได้โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรมากมายนัก

นวัตกรรมด้านพลังงานนี้พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มบริษัทนานาชาติที่นำโดย HIF (Highly Innovative Fuels) และ Porsche โรงงานนำร่องของกลุ่มนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศชิลี สารตั้งต้นที่ใช้ คือ ไฮโดรเจนที่มาจากน้ำที่ผ่านกระบวนการอิเล็กโตรไลซ์ และ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ชีวภาพที่ดักจับได้จากกระบวนการหมักเบียร์ ซึ่งก๊าซทั้งสองจะถูกนำมาผสมกันเพื่อผลิตเมทานอลก่อนที่จะถูกกลั่นให้เป็นอีฟิวในรูปของเหลวซึ่งมีลักษณะคล้ายน้ำมันเบนซิน

สำหรับ Bentley เองนั้นก็มี Continental GT Speed รุ่นที่สี่ที่ได้รับการออกแบบให้สามารถวิ่งด้วยอีฟิวได้ นี่คือ Continental GT Speed รุ่นสมรรถนะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบอัลตร้าเพอร์ฟอร์แมนซ์ไฮบริดใหม่ที่ผสานพลังจากเครื่องยนต์วี 8 ทวินเทอร์โบขนาด 4.0 ลิตรเข้ากับกำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้า รวมเป็นแรงบิด 1,000 นิวตันเมตรและกำลังขับเคลื่อน 782 แรงม้า ทำให้ Continental GT Speed ใหม่สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงเหลือเพียง 29 กรัมต่อกิโลเมตร และสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลถึง 862 กิโลเมตร

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Bentley ได้เชิญแขกจำนวน 157 คนไปที่สวิตเซอร์แลนด์เพื่อร่วมงาน Global Media Drive เพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพของรถแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นใหม่คันนี้ ในครั้งนี้ Bentley ได้ใช้เชื้อเพลิงแบบ R75 (อีฟิว 75% และน้ำมันเบนซิน 25%) และใช้พลังงานหมุนเวียน 100% จากไฟฟ้าพลังน้ำและพลังลมในการชาร์จแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดด้วย กิจกรรมดังกล่าวใช้รถ Continental GT Speed จำนวน 12 คัน เดินทางครอบคลุมระยะทางรวมเกือบ 13,000 กิโลเมตร ซึ่งมีการขับขึ้นเขารวมความสูง 1,400,000 ฟุต และพิชิตกว่า 4,500 โค้ง ตลอดเส้นทางขับขี่ที่ผ่าน 4 ภูเขาอันโด่งดัง ได้แก่ ซุสเตนพาส กริมเซลพาส นูเฟอเนนพาส และ เซนต์กอทธาร์ดพาส

Bentley Continental GT Speed จะมีทั้งรุ่นคูเป้และรุ่นคอนเวิร์ตติเบิล ผู้สนใจสามารถสั่งจองรถได้แล้วโดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้จริงช่วงต้นปี ค.ศ. 2025

บทความที่เกี่ยวข้อง: Jaguar Classic E-Type รุ่นพิเศษสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แกรนด์ทัวเรอร์ไฮบริดพิสูจน์ประสิทธิภาพแม้ในขณะที่วิ่งบนสนามของเหลวสังเคราะห์

คำ: LuxuoTH รูปถ่าย: เบนท์ลีย์

ไฟฟ้าไม่ใช่พลังงานรูปแบบเดียวที่เกิดขึ้นใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ทางเลือกหนึ่งคือ eFuel คือเชื้อเพลิงเหลวสังเคราะห์ที่ผลิตโดยใช้ไฮโดรเจนจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกดักจับโดยตรงจากอากาศ สามารถใช้แยกอิสระหรือผสมกับน้ำมันเบนซินธรรมดาได้ นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานของปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ยังสามารถรองรับ eFuel ได้โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ

แหล่งพลังงานที่เป็นนวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศที่นำโดย HIF (เชื้อเพลิงที่มีนวัตกรรมสูง) และปอร์เช่ โรงงานนำร่องของพวกเขาในชิลีใช้ไฮโดรเจนจากน้ำอิเล็กโทรไลต์และคาร์บอนไดออกไซด์ชีวภาพที่จับได้ในกระบวนการผลิตเบียร์ ก๊าซทั้งสองถูกผสมเข้าด้วยกันเพื่อผลิตเมทานอล จากนั้นกลั่นเป็น eFuel ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเหลวที่คล้ายกับน้ำมันเบนซิน

Continental GT Speed ​​เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของเบนท์ลีย์ ซึ่งเป็นเบนท์ลีย์ที่ทรงพลังที่สุดบนท้องถนนในปัจจุบัน ได้รับการออกแบบให้เข้ากันได้กับ eFuel ระบบส่งกำลัง Ultra Performance Hybrid ใหม่ผสมผสานพลังของเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่เข้ากับกำลังเพิ่มเติมจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร และกำลัง 782 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 335 กม./ชม. แม้จะมีประสิทธิภาพขนาดนี้ แต่ก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 29 กรัมต่อกิโลเมตร และมีระยะการขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 862 กิโลเมตร

ในเดือนตุลาคม เบนท์ลีย์เชิญแขก 157 คนไปยังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อ Global Media Drive เพื่อแสดงประสิทธิภาพของทัวร์ริ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ สำหรับงานนี้ เบนท์ลีย์ใช้เชื้อเพลิงผสม R75 (eFuel 75% และน้ำมันเบนซินธรรมดา 25%) ในขณะที่แบตเตอรี่ไฮบริดถูกชาร์จด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% จากแหล่งไฟฟ้าพลังน้ำและลม ฝูงบิน Continental GT Speeds 12 คัน ครอบคลุมระยะทางเกือบ 13,000 กิโลเมตร โดยไต่ขึ้นไปสูงประมาณ 1,400,000 ฟุต และพิชิตโค้งหักศอกกว่า 4,500 โค้ง ขณะที่พวกเขาเดินทางลัดเลาะไปตามเส้นทางบนภูเขาอันเป็นเอกลักษณ์สี่แห่ง ได้แก่ Susten Pass, Grimsel Pass, Nufenen Pass และ St. Gotthard Pass

Continental GT Speed ​​จะมีให้เลือกทั้งรุ่นคูเป้และรุ่นเปิดประทุน ขณะนี้เปิดรับคำสั่งซื้อแล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ในต้นปี 2568

ดูเพิ่มเติมที่: Jaguar Classic E-Type รุ่นพิเศษสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button