เจาะเบื้องหลังชุดของ ฟาโรส ณัฏฐ์ กลิ่นมาลี จาก FAROSE Studio บนเวทีทอล์กระดับประเทศอย่าง FaraTALK ในชื่อ What’s in a name? ชื่อนั้นสำคัญไฉน ที่เปลี่ยน “ชื่อ” ให้กลายเป็นประตูสู่ความเข้าใจเรื่องภาษา วัฒนธรรม และตัวตนของผู้คน ผ่านการเล่าเรื่องแบบมีชีวิตชีวาและเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง กับ Guest Speaker อย่าง แตงโม กิตติพร, ก๊อตจิ ทัชชกร, อรรถ บุนนาค, พงษ์ อธิพงษ์, เก้า ผศ.ดร.ชานป์วิชช์ และ จี จิระศักดิ์ พร้อมผสานภาษาทางเครื่องแต่งกายจาก POEM ไว้ในโชว์
จุดเริ่มต้นของโชว์
“ฟาราทอล์กเกิดจากการเข้าใจทั้งฝั่งที่ผลิตคอนเทนต์อย่าง ‘เรา’ และฝั่งที่เป็นคนดูอย่าง ‘ชาวช่อง’ เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้พบปะกัน เหมือนกับ Meet and Greet แต่เราอยากให้มันพิเศษกว่านั้น เราก็เลยกลับไปย้อนดูทุกอย่างจากในช่องยูทูปของเรา นั่งดูว่าใจความของช่องเราเนี่ยไม่ว่าเราจะเป็นรายการอะไรมักจะมี ‘เกร็ดความรู้’ ซ่อนอยู่ในนั้น และสิ่งเหล่านั้นมันถูกตัดออกจากวิดีโอ เพราะด้วยกระบวนการในการผลิต พอมันตัดทิ้งไปเยอะๆ เราก็รู้สึกเสียดายเพราะมันมีเนื้อหาบางส่วนที่เราอยากเอามาพูด และก็มีคนบางกลุ่มที่รู้สึกว่า ‘อยากได้อีก’ เราเลยจับสองสิ่งเนี่ยมาเจอกัน เกิดเป็นฟาราทอล์ก” ฟาโรสกล่าว
ดูโพสต์นี้บน Instagram
“ฟาราทอล์กครั้งแรกเราเอาเนื้อหาที่เกี่ยวกับ‘นโยบายของเมือง’มาเล่า ฉะนั้นเราจึงใช้ชื่อ ‘X’and the city เหมือนกับสมการ ถ้าคุณแทนค่า X กับประโยคนี้เช่น ‘Food’and the city อาหารเเละเมืองทำงานร่วมกันอย่างไร เราจะยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ เป็นไปได้อย่างไรที่ประเทศไทยมีข้าวมันไก่ในทุกตรอกซอย แต่สิงคโปร์สามารถเคลมได้ว่านี้คืออาหารของชาติ หรือ ‘Education’and the city ทำไมบางประเทศถึงขึ้นชื่อเรื่องการศึกษาและสามารถยกระดับชีวิตคนด้วยการศึกษา ซึ่งพอเราทำมาครั้งแรกแล้ว มันเวิร์ค”
“มันเลยเกิดครั้งที่สอง ครั้งที่สองเนี่ยเราอยากทำเนื้อหาที่มันหนักขึ้น ปรากฎว่ามันมีบางเนื้อหาที่มันต้องถูกรวบและตัดรายละเอียดบางอย่างออกโดยที่ไม่ได้ลงลึก เราเลยจัดในธีม Tell Me ‘Y’ ที่จะมาบอกเหตุผลและเบื้องหลังของสิ่งต่างๆ”
“เราจะเลือกนักพูดมาที่เรารู้ว่าเขามีของกับหัวข้อนี้ แต่ในรายการเขามีพื้นที่ที่จำกัด เปิดพื้นที่เขาให้ขึ้นมาโชว์บนเวที
จนมาถึงครั้งนี้ เราก็ทำเหมือนเดิม กลับไปสำรวจว่าเราสามารถทำอะไรได้อีก แต่รอบนี้เราได้สังเกตถึงสิ่งที่เราพบเจอเสมอเมื่ออยู่ในรายการ ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงสถานที่ คน หรืออื่นๆ เรามักจะพูดถึง ‘ชื่อ’ เป็นสิ่งแรก จึงเกิดเป็นธีม What’s in a name? ขึ้นมา อย่างเช่นเราไปเมืองโคเปนเฮเกน เพื่อนพี่น้องของเราก็จะแจงว่าชื่อนี่แปลว่าอะไร ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่เริ่มเรื่องของเราเสมอ โคเปน เนี่ยเป็นรากเดียวกันกับภาษาเยอรมันอย่างคำว่า Kaufmann ที่แปลว่าซื้อขาย ส่วน -hagen แปลว่าท่าเรือ จากชื่อเราจะรู้เลยว่าเมืองนี้จะต้ังอยู่ริมน้ำอย่างแน่นอน และอย่างรายการ (PYMK) People You May Know เราก็ต้องมาทำความเข้าใจว่าชื่อของเขาได้มาอย่างไรและแปลว่าอะไร ฉะนั้นแล้วจริงๆพวกเรามีความสนใจเรื่องชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการช่างเชื่อม เป็นรายการที่ต้องพูดชื่อของโปรดักส์จากลูกค้าก่อน และนำไปผูกโยงกับเรื่องราวและนิทานต่างๆ เราจึงคิดว่ามันน่าจะสนุกดี ถ้าได้เห็นสิ่งนี้ใน FaraTALK ครั้งที่ 3”
“ส่วนชื่อ What’s in a name? ได้มาจากบทประพันธ์ของ William Shakespeare ในเรื่อง Romeo & Juliet จากท่อนหนึ่งที่ Juliet เจอกัน แล้ว Juliet ตัดพ้อถึงความรักต้องห้ามระหว่างเธอกับ Romeo ว่า What’s in a name? ถ้าเราแปลตรงตัวคือ มันจะมีอะไรอยู่ในชื่อ แต่หากเราตีความแล้ว มันมีความหมายว่า ชื่อนั้นจะไปสำคัญอะไร สะท้อนอคติของสังคมต่อชื่อในฐานะเครื่องหมายแห่งชนชั้น วงศ์ตระกูล หรือแม้แต่ศัตรูตามประเพณี ซึ่งการหยิบเอาวรรคทองของเรื่อง Romeo & Juliet มาใช้ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราอยากทำเพื่อยกย่องให้กับมหากวีเอกที่เรามักใช้งานของเขามาเป็นแรงบรรดาลใจในงานของเราเช่นกัน”
“นักพูดทั้ง 6 ท่านนี้ เราดูจากคิวก่อนเลย และความสนใจก่อนที่มีความเนิร์ดเรื่องชื่อ เช่น เซตเซลล์จากรายการช่างเชื่อม ที่สามารถแปลชื่อจากภาษาต่างๆออกมาได้ หรืออีกสองสาวที่สามารถถ่ายทอดประเด็นความขบขันในชื่อเวลาที่ไปอยู่ต่างประเทศ เช่นการที่คุณชื่อ กิตติพร มันสร้างปัญหาอย่างไร”
ชุดบนเวที FaraTALK
ชุดของฟาโรสและแขกรับเชิญทั้ง 6 เป็นผลงานการออกแบบมาจากไทยดีไซเนอร์อย่าง POEM รังสรรค์โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์อย่าง ฌอน ชวนล ไคสิริ โดยชุดของนักพูดฝ่ายชายทั้งหมดเป็นผลงานส่วนหนึ่งของ POEM Men’s Couture ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้
ในช่วงแรกชุดสะท้อนแนวความคิด ‘Fleur De Lis and Blue Blood Aristocracy’ โดยเน้นย้ำที่สี ombré น้ำเงินไล่เฉดดำสุดโก้ และยังคงเน้นย้ำดีเอ็นเอของแบรนด์ที่ชูเรื่องซิลลูเอตที่ส่งเสริมรูปร่างของผู้สวมใส่ด้วยการใช้ Cummerbund Belt ในการรัดบริเวณหน้าท้อง
ส่วนชุดของช่วงหลังมาจากแนวคิด Phalaenopsis Aphrodite พร้อมสีสันที่เรียบโก้อย่างสีขาวดำ แต่โดดเด่นด้วยการใส่ลูกเล่นของผ้า และดีเทลของดอกกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสบริเวณอกสื่อถึงที่มาของชื่อ FAROSE ตามการตีความของดีไซเนอร์
ส่วนชุดของแขกรับเชิญแต่ละท่าน มีการตัดเย็บอย่าง Tailor-Made และตีความรูปแบบของชุดสะท้อนถึงตัวแทนของวัฒนธรรมและเรื่องราวอันเป็นตัวตนของแขกรับเชิญแต่ละท่าน
โดยความโดดเด่นของแขกรับเชิญอย่าง ก๊อตจิ คือการเลือกสีชมพูโอลด์โรสซึ่งเป็นสีพิเศษผสมผสานกับซิลลูเอตแบบกี่เพ้าที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่พูดถึงวัฒนธรรมจีน ที่แน่นอนว่างานเทเลอร์ริ่งของ POEM ส่งเสริมให้สรีระของเธอโดดเด่นบนเวทีทอล์กครั้งนี้
แตงโม นักพูดสายคอมเมดี้ ที่ไปตามล่าความฝันในประเทศแห่งอิสระภาพ คงไม่มีอะไรเหมาะกับเธอไปมากกว่า สีแดง อันเป็นเฉดสียอดนิยมของแบรนด์ พร้อมซิลลูเอตชุดสูทผู้หญิงเข้ารูปที่สง่างาม นอกจากนี้เธอยังส่งผ่านแรงบันดาลใจจากความพยายามที่จะคว้าความฝันในต่างแดน พร้อมปลอบใจคนดูว่าไม่เป็นไรหากฝันที่ยิ่งใหญ่จะยังไม่สำเร็จ แต่อย่าลืมมองฝันเล็ก ๆ ที่เคยวาดไว้ และมีความสุขไปกับทุกช่วงจังหวะของชีวิต
ชุดของนักพูดฝ่ายชายทั้งหมดอย่าง อรรถ บุนนาค , พงษ์ อธิพงษ์ , เก้า ผศ.ดร.ชานป์วิชช์ และ จี จิระศักดิ์ เป็นผลงานไฮไลต์บนเวทีในครั้งนี้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ POEM Men’s Couture ที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า
ฌอน POEM ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขารู้สึกสนุกทุกคนที่ได้โจทย์ที่เขาไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ ซึ่งทำให้เขาได้ทำงานใหม่ๆเสมอ เขาเห็นว่าในช่วงหลังมานี้ แบรนด์ POEM มีลูกค้าที่เป็นเพศทางเลือกเดินเข้ามาตัดชุดแต่งงานเขาเขามากขึ้น ประจวบเหมาะกับการที่ฟาโรสเริ่มคุยเรื่องโปรเจกต์ดังกล่าวนี้กับเขาพร้อมดี เขายังได้พูดเสริมอีกว่า POEM ส่งผ่านดีเอ็นเอเรื่องของความโอบรับความหลากหลายของรูปร่างผู้ใส่ ทั้งการใช้ซิลลูเอตที่เสริมทรวดทรง การใส่คอร์เซ็ท และการใช้ Cummerbund Belt รัดบริเวณหน้าท้องสำหรับชุดผู้ชาย
Cr Photo: FAROSE Studio , ธนัท เตรียมชาญชูชัย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ครั้งแรกของการจับคู่ดวลบท ระหว่าง ‘มิ้นท์ รัญชน์รวี’ และ ‘กองทัพ พีค’
รวม ชุดสีแดง สำหรับออกงาน ที่มีเสน่ห์และดึงดูดสายตา
รวมลุคเด่น แอนโทเนีย โพซิ้ว เข้ากองประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2023 ที่ ประเทศเอลซัลวาดอร์
