ก้าวเข้าสู่เดือนแห่งการเฉลิมฉลอง Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ในโลกของแฟชั่น Pride Month ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลแห่งสีสัน แต่ยังเป็นพื้นที่สำคัญในการส่งเสียง เพื่อสะท้อนถึงการมีอยู่ของความหลากหลายทางเพศอย่างทรงพลัง ดีไซเนอร์ แบรนด์ และศิลปินทั่วโลกต่างร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ลบเลือนขอบเขตของเพศ และยกย่องความงดงามในทุกอัตลักษณ์ ในครั้งนี้ L’Officiel Thailand ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียงในการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกของทุกเพศสภาพ พร้อมพาคุณสำรวจว่าวงการแฟชั่นได้เปลี่ยนมุมมองต่อความหลากหลายทางเพศอย่างไร
เมื่อเสื้อผ้าไม่จำกัดอยู่ในกรอบเพศ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในวงการแฟชั่นระดับโลก กับการออกแบบเสื้อผ้าแบบ Genderless หรือ Gender-Neutral ที่ไม่ยึดติดกับกรอบความเป็น “หญิง” หรือ “ชาย” อีกต่อไป เสื้อสูททรงโอเวอร์ไซส์ที่อาจถูกสวมใส่โดยใครก็ได้ กระโปรงที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ หรือแม้แต่เดรสที่พลิ้วไหวบนเรือนร่างที่ไม่จำกัดเพศ ล้วนบอกเล่าถึงอิสรภาพที่กำลังเบ่งบานในโลกแฟชั่นร่วมสมัย
แบรนด์ระดับไอคอนอย่าง Gucci, Thom Browne, Rick Owens ไปจนถึงแบรนด์ใหม่สายสตรีทอย่าง Telfar หรือ Collina Strada ต่างร่วมขับเคลื่อนแฟชั่นที่ไม่จำกัดเพศ ทั้งในคอลเล็กชั่นและแคมเปญโฆษณา
แฟชั่นไร้เพศไม่ได้จำกัดอยู่ที่เสื้อผ้าโอเวอร์ไซส์โทนโมโนโครมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลวดลายลูกไม้, สีชมพู, ชุดลายดอกไม้ หรือเครื่องประดับแวววาวที่เคยถูกตีกรอบว่าเป็น “ของผู้หญิง”
การแต่งกายที่กลายเป็นพื้นที่ของการแสดงออกตัวตน
สำหรับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z การแต่งกายไม่ใช่เพียงเรื่องของเทรนด์ แต่คือ “การแสดงออกทางตัวตน” (self-expression) อย่างแท้จริง ผู้ชายที่แต่งหน้า ผู้หญิงที่เลือกสวมสูท หรือบุคคลที่ไม่ระบุเพศที่เล่นกับเลเยอร์และซิลูเอตต์อย่างเสรี กลายเป็นภาพที่ปรากฏให้เห็นมากขึ้น ทั้งในชีวิตประจำวันและบนรันเวย์
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ศิลปินชื่อดังอย่าง Harry Styles, Billie Eilish, หรือแม้แต่ Billy Porter ต่างใช้แฟชั่นเป็นเครื่องมือในการผลักดันขอบเขตของเพศและความงามแบบเดิมๆ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ความเป็นตัวตนที่แตกต่างได้เปล่งประกายอย่างสง่างาม
ตัวแทนของความหลากหลายบนรันเวย์และแคมเปญ
อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลง คือการมีตัวแทนจากชุมชน LGBTQ+ บนเวทีแฟชั่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนางแบบข้ามเพศอย่าง Valentina Sampaio ที่ได้เป็นนางแบบให้กับ Victoria’s Secret
Alex Consani
Valentina Sampaio
Rain Dove
มีมี่ เทา
มีมี่ เทา หรือ พชรณัฎฐ โนบรรเทา คือนางแบบข้ามเพศชาวไทยผู้กล้าฝันและฝ่าฟันอุปสรรคจนสามารถสร้างชื่อเสียงในวงการแฟชั่นระดับนานาชาติได้สำเร็จ หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นของเธอคือการได้ เดินแบบในงาน New York Fashion Week และ LA Fashion Week ซึ่งเป็นเวทีแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นเป้าหมายสูงสุดของนางแบบทั่วโลก อีกทั้ง มีมี่ เทา ยังเป็นนางแบบข้ามเพศชาวไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมรายการเรียลลิตี้แฟชั่นชื่อดัง Project Runway ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผลักดันให้เธอเป็นที่รู้จักในระดับโลก
แบรนด์แฟชั่นที่มองไกลเกินกว่าความงามภายนอก ต่างเปิดรับโมเดลจากหลากหลายเพศ เชื้อชาติ และรูปร่าง ไม่เพียงเพื่อตอบโจทย์ภาพลักษณ์ที่ร่วมสมัย แต่เพื่อสะท้อนถึงโลกแห่งความเป็นจริงที่ทุกคนล้วนควรมีที่ยืนอย่างเท่าเทียม ดังนั้น Pride Month จึงไม่ใช่แค่เดือนแห่งการเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่เป็นช่วงเวลาที่เตือนให้เราเห็นถึงพลังของแฟชั่นในการเปลี่ยนแปลงมุมมองของสังคม และเปิดพื้นที่ให้กับตัวตนทุกรูปแบบได้เฉิดฉายอย่างไม่มีข้อแม้
แฟชั่นไร้เพศจึงไม่ใช่การ “ลบ” ความเป็นเพศชายหรือหญิงออกไป แต่คือการ “คืนสิทธิ์” ให้ทุกคนได้เลือกความงามในแบบของตนเอง โดยไม่มีกรอบเดิมมาคอยจำกัด ไม่ว่าจะเป็นลูกไม้ที่เคยต้องหลบซ่อน สีชมพูที่เคยต้องอธิบาย ลายดอกไม้ที่เคยสงวนไว้ หรือเครื่องประดับที่เคยถูกคาดแต่ต้องซ่อน ทุกอย่างในวันนี้พร้อมเปล่งประกายบนร่างของใครก็ตามที่กล้าเป็นตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้ว แฟชั่นที่แท้จริง ไม่เคยมีเพศ มีเพียง “เสรีภาพ” ที่สะท้อนตัวตนอย่างสง่างามเท่านั้น
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ
คอมพลีตลุคซัมเมอร์นี้ด้วยไอเท็มเด็ดจาก Gucci
LOEWE ประกาศแต่งตั้ง ‘เต ตะวัน’ ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด
CELINE ปล่อยสนีกเกอร์รุ่นใหม่สุดโมเดิร์นจากแรงบันดาลใจยุค 70
The post แฟชั่นกับมุมมองใหม่ต่อความหลากหลายทางเพศ appeared first on L’Officiel Thailand.
