โบว์-เมลดา และคำนิยามของเธอในวัย 28 ปี – L’Officiel Thailand

สนุกสนานเริงร่าภายใต้แสงอาทิตย์ไปกับนักแสดงสาวมากฝีมือ โบว์-เมลดา สุศรี ในเซ็ตแฟชั่นซัมเมอร์เปี่ยมสีสันจากคอลเลกชั่น GUCCI LIDO 2025 นำเสนอลุคแฟชั่นผ่อนคลายสุดหรูหรา ผ่านวัสดุบางเบาพลิ้วไหวและลวดลายพิมพ์ที่แฝงกลิ่นอายของท้องทะเล ตลอดจนสัญลักษณ์ที่เป็นตำนานของแบรนด์ สะท้อนความมีชีวิตชีวาสดใสในฤดูร้อน
นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของสาวสวยสดใส ขวัญใจชาวไทยทั่วประเทศอย่าง โบว์-เมลดา สุศรี เจ้าของประโยคสุดฮิตอย่าง “อนงค์ยังหลอกไม่เก่งเลยจ้ะ” ที่ได้ฝากผลงานมากมายไว้ในต้นปีที่ผ่านมา อาทิเช่น ซีรีส์สุดฮิตอย่าง ‘คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์’ และการพากย์เสียงเป็น ‘สโนไวท์’ ในภาพยนตร์เรื่อง Snow White 2025 ด้วยความสามารถที่รอบด้านและความสดใสนี้เองที่ทำให้เธอได้รับคำชมต่างๆ มากมาย และไม่เพียงแต่เรื่องการงานเท่านั้นที่กำลังไปได้ด้วยดี ดูเหมือนเรื่องหัวใจและการใช้ชีวิตของเธอก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเช่นกัน ในโอกาสที่เธอมาถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกร่วมกับ Gucci เราจึงขอร่วมสนทนาพูดคุยกับเธอถึงชีวิตในวัย 28 ปีของเธอไปด้วยกัน
คำที่เหมาะจะนิยาม โบว์-เมลดา ในวัย 28
“ถ้าให้คำนิยามถูกกับช่วงนี้มากที่สุดก็น่าจะเป็นคำว่า ‘สบายๆ ชิลล์ๆ’ ค่ะ เพราะช่วงนี้เราเป็นคนเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้คาดหวังกับอะไรแล้วจะไม่ได้ต้องมากังวลเรื่องนู้นเรื่องนี้ อยากสนุกกับใครก็เต็มที่ อย่างเมื่อก่อนเราก็จะชอบมีสเปซแบบ คนนั้นผู้ใหญ่ คนนี้เด็ก เราก็จะต้องกังวลว่าจะวางตัวยังไง อย่างงี้ได้ไหม แบบนั้นได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้คือเราไม่ปิดกั้นเลย ทุกคนกลายเป็นเพื่อนกันหมด เพียงแต่ว่าเราก็ยังแคร์ความรู้สึกคนอื่นอยู่”
คิดว่าความสำเร็จสำคัญไหมในวัยนี้
“เอาจริงๆ นะ เป็นคนไม่ค่อยคาดหวังกับอะไรสักอย่างเลย แค่รู้สึกว่า
การทำงานวันนี้ให้ผ่านไปได้ด้วยดี มีความสุขและราบรื่นก็คือสำเร็จแล้ว อย่างเช่นเวลาทำงานแล้วเกิดปัญหา เราก็จะพยายามทำทุกอย่างให้โฟลว์มากที่สุด ไม่อยากให้ตัวเราและใครสักคนเครียดด้วย เพราะเราเข้าใจดีว่าแค่ทำงานปกติก็เครียดอยู่แล้ว เราจะไม่ทำให้มันเครียดขึ้นไปอีก ซึ่งเราก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เข้าวงการมาแรกๆ แล้วนะ แต่ทุกวันนี้ก็ทำได้ดีขึ้น เหมือนเมื่อก่อนเรา ‘พยายาม’ ไม่คาดหวังอะไร จนตอนนี้เราไม่คาดหวังอะไรเลยจริงๆ”
มีบทบาทการแสดงไหนที่มีอิมแพ็กต์ต่อตัวเราจนถึงปัจจุบันไหมคะ
“ถ้าอิมแพ็กต์ต่อตัวเราจนถึงปัจจุบันจะเป็น ‘พรอน’ ค่ะ จาก London Sweeties ชื่อไทยคือ ‘รักไม่เป็นภาษา’ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เราเล่นแล้วได้ไปต่างประเทศ และก็เป็นครั้งแรกที่เราได้เดินทางไปต่างประเทศคนเดียว แบบไปๆ กลับๆ นะคะ แต่คือไม่มีผู้จัดการไปด้วยเลย มีแค่เรากับทีมงานกองถ่าย ซึ่งระหว่างที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ มันทำให้เรารู้จักนิสัยคนมากขึ้น เรียนรู้วิธีการทำงานกับคนอื่นมากขึ้น สิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ บวกกับตอนนั้นเราไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไรด้วย เพราะภาษาอังกฤษยังไม่ได้ พอกลับมาไทยเราเลยกลายเป็นคนที่นิ่งขึ้นไปเลย แต่หลังจากนั้นเราก็กลับมาร่าเริงนะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ด้วยรูปแบบการทำงานมันทำให้เรารู้สึกโตไปอีกขั้น”
เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองแม้จะเจอคำวิจารณ์ อย่างเรื่องรูปร่างหรือเรื่องอื่นๆ ที่หนักๆ อะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมให้รู้สึกแบบนี้คะ
“คงจะเป็นครอบครัว กับอะไรหลายๆ อย่างที่เรียนรู้มาจากการทำงานใน
วงการนี้มั้ง ที่สอนให้เรารู้ว่าจะต้องจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร จริงๆ แล้วเราก็เคยเกือบจะรับไม่ไหวเหมือนกัน แต่ก็ผ่านมาได้ ส่วนหนึ่ง
ก็เพราะแม่ แม่เราสอนให้คิดในแง่บวกและเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นเรื่องตลกเสมอ อย่างเช่น คนว่าเราอ้วน เราก็จะบอกไปเลยว่า ‘เราทำงานเหนื่อย เราได้เงินมา เราเอาไปกินของอร่อย สำหรับใครที่อยากอ้วนลองไปทำตามนะคะ’ เป็นอะไรทำนองนี้ไปเลย คือเราอยากให้คนวิจารณ์เข้าใจด้วยว่า คนเรามันไม่ได้มีแบบเดียว บางคนอยากอ้วน บางคนอยากผอม แต่เขาทำไม่ได้ก็มีเยอะแยะไป เราเลยพูด เพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้”
แพลนอนาคตทั้งเรื่องการทำงาน ความรัก และการใช้ชีวิตไว้อย่างไรบ้าง
“เราไม่คาดหวังไปไกล แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็โอเคแล้ว ถ้าเมื่อไรที่เริ่มมีปัญหานั่นแหละ ถึงจะค่อยมาเริ่มวางแผนอนาคตอีกที เราจะไม่มองไปก่อน เพราะมันจะทำให้คาดหวัง ซึ่งเราเคยผิดหวังแล้ว แล้วเราเสียใจหนักมากด้วย
เราก็เลยพอทีกับการคาดหวัง มองตรงนี้ก่อนว่าเราทำดีหรือยัง ถ้าทำดีแล้วก็โอเค เดี๋ยวอนาคตมันจะดีเอง”
มีอะไรในตัวเองที่อยากจะเปลี่ยนแปลงไหม
“น่าจะเป็นเรื่องการนอนนะ อยากจะปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้สักที
งานมันค่อนข้างบีบให้เราได้นอนน้อย แต่ไม่เป็นไร แฮปปี้ ชอบทำงาน จะว่าไปแม้แต่ตอนช่วงโควิดที่คนอื่นเขาหยุดกัน เราก็ทำงานนะ สงสัยจะชอบทำงานจริงๆ แหละ”
อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เคยมีคนบอกเรา
“มันเกี่ยวกับความรักอะสิ มีพี่คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า ถ้าเราเลิกกับใครสักคน มันก็เหมือนกับการที่เราเป็นท่าเรือ อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เขาคือเรือ เข้ามารับผู้โดยสาร รับเสร็จแล้วก็ออกไป ไปส่ง แล้วก็กลับมาใหม่ ทุกอย่างจะกลับมาที่เดิม ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สุดท้ายเขาก็ต้องออกไปอีกรอบ มันก็เหมือนกับการกลับมาคบกันอีกครั้ง คือสุดท้ายยังไงก็ต้องเลิกกันอีกรอบอยู่ดี ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่อกหักจากคนคนหนึ่งอยู่ แล้วเรา move on ไม่ได้เลย แต่พอได้ยินประโยคนี้ ก็อ๋อ เข้าใจแล้ว”
แล้วมีคำแนะนำอะไรที่เราอยากบอกคนอื่นไหม
“เปิดรับทุกโอกาสและเต็มที่กับสิ่งที่ทำค่ะ เพราะได้ทำแล้วดีกว่าไม่ได้ทำเลย คือต่อให้เราไม่ได้ชอบแต่อย่างน้อยก็ได้ทำ แล้วถ้าทำออกมาได้ดียังไงก็ไม่เสียใจหรอกค่ะ หรือถ้าทำออกมาแล้วไม่ดี เราก็จะได้รู้ไปเลยว่าอันนี้ไม่ใช่ทางของเรา แล้วเราควรจะไปทางไหนต่อ”
การหลบหนีฤดูร้อนของโบว์
สิ่งที่ชอบที่สุดที่สุดในฤดูร้อน… ท้องฟ้า
• สถานที่ที่อยากไปพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน… Jackson Hole กับ Grand Teton สหรัฐอเมริกา
• เพลงที่ทำให้นึกถึงฤดูร้อน… เพลงฤดูร้อนของ Paradox
• ภาพยนตร์ที่ทำให้นึกถึงฤดูร้อน… ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น กับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก
• 3 คำบรรยายสไตล์ของตัวเองในฤดูร้อน… Casual, Feminine, Colorful
• แฟชั่นไอเท็มที่ต้องมีในฤดูร้อน… กระเป๋า Gucci Jackie ใบใหญ่
• ชอบอะไรในคอลเลกชั่น Gucci Summer 2025… ถ้าในคอลเลกชั่นนี้
จะเป็นเครื่องประดับค่ะ โดยเฉพาะต่างหูสีทอง เรารู้สึกมันเข้ากับเรามาก
แต่ส่วนตัวชอบ Gucci อยู่แล้ว ชอบการสไตลิ่งฉูดฉาดกับการนำเทรนด์ของเขาค่ะ เรารู้ว่ามันชัดเจน รวดเร็ว และไอคอนิกสุดๆ
ช่างภาพ: Intrachai Watmakawan
บรรณาธิการ: Watcharachai
นักเขียน: Siripatsorn Artnarongrith