Blog

เอมี่-บอนนี่ เคมีใหม่ที่น่าจับตา!

เคมีใหม่ที่น่าจับตา! พบกับ เอมี่-ทสร กลิ่นเนียม และบอนนี่-ภัทราภัสร์  โบรัชตะสุวรรณ์ สองนักแสดงสาวดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมารับบทนำในซีรีส์เกิร์ลเลิฟ ที่กำลังมาแรงใน  ‘US รักของเรา’

ในช่วงสองปีมานี้ กระแสซีรีส์ Girls’ Love หรือแซฟฟิกเติบโตและแพร่หลายไปในวงกว้าง ซึ่งไม่เพียงส่งอิทธิพลต่อผู้ชม แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปและการเปิดกว้างของสังคมไม่มากก็น้อย ล่าสุดทาง GMMTV ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในการสร้างคอนเทนต์และซีรีส์ Girls’ Love ก็ได้ปล่อยผลงานใหม่ที่น่าจับตาออกมาให้เราได้ชมกัน นั่นคือ ‘Us รักของเรา’ ซีรีส์แนวโรแมนติก-ดราม่า ภายใต้การกำกับของฝน-ขนิษฐา ขวัญอยู่ ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของ ‘ดอกรัก’ ที่หนีจากครอบครัวมาใช้ชีวิตเพียงลำพังและทำงานในร้านกาแฟและแกลเลอรี่ จนได้มาเจอกับ ‘แพม’ คุณหมอสาวและเกิดตกหลุมรักกัน แต่กลับต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจเพื่อเป็นสื่อกลางความรักให้กับพี่ชายของเธอ   

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการโคจรมาพบกันของเอมี่-ทสร กลิ่นเนียม นักแสดงสาววัย 26 ปีที่มีผลงานผ่านตาเราหลายเรื่อง และบอนนี่-ภัทราภัสร์ โบรัชตะสุวรรณ์ นักแสดงสาววัย 20 ปีที่เข้าวงการมาได้เพียงแค่หนึ่งปี นี่คือการก้าวขึ้นมารับบทนำครั้งแรกของทั้งสองสาว บทบาทใหม่นี้จะท้าทายขนาดไหน ลองไปฟังจากพวกเธอกัน

beonnie

ขอเริ่มตั้งแต่วัยเด็กดีกว่าว่าบอนนี่เติบโตมาอย่างไร 

“จริงๆ ชีวิตง่ายๆ มากเลยค่ะ เป็นเด็กสดใส ออกแนวร่าเริง แต่ก็ขี้อายมากๆ เวลารวมญาติ แม่ชอบให้ไปร้องเพลง แต่หนูไม่กล้าเลย ตอนเด็กฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูนเพราะชอบวาดรูปมาก แต่พอโตมาก็เริ่มคิดว่าอาจจะไม่ใช่แนวของเราจริงๆ แล้วช่วงประมาณสองสามปีที่แล้ว หนูก็รู้สึกอยากลองหาอะไรใหม่ๆ ทำ ก็ได้ลองมาถ่ายแบบ เดินแบบ แล้วก็เริ่มมีคนชวนมาเป็นนักแสดง”

การแสดงเติมเต็มเราอย่างไร  

“รู้สึกเหมือนว่ามันเป็นศิลปะชิ้นหนึ่งที่เราสามารถทำมันได้ และมันก็น่าสนใจและน่าค้นหา แต่ตอนแรกที่เข้ามาก็กดดันและตื่นเต้นมากๆ เพราะไม่มีความรู้ทางการแสดงมาก่อนเลย แต่พอมาลอง ก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คุ้มค่า”

พูดถึงการรับบทนำครั้งแรกและเสน่ห์ของ ‘Us รักของเรา’  

“รู้สึกตื่นเต้นมากแล้วก็อึ้งไปเลยตอนที่ได้โอกาสรับบทนำ เพราะตอนไปแคสต์ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก มันเลยเกินความคาดหมาย แต่ก็เป็นผลงานที่เราตั้งใจมากๆ หนูรับบทเป็น ‘ดอกรัก’ เด็กสาวที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบศิลปะ ชอบดนตรี แต่ก็ต้องหนีออกจากบ้านเพราะครอบครัวอยากให้เป็นหมอ เป็นคาแร็กเตอร์ที่เราเชื่อมโยงได้ เพราะมีความชอบคล้ายๆ กัน แต่ก็เป็นบทที่ต้องทำการบ้านเยอะมากๆ เพราะตัวละครนี้มีดีเทล อย่างเวลาร้องไห้ มันมีหลายความรู้สึก มันไม่ใช่แค่เสียใจ เราต้องทำความเข้าใจตัวละครเยอะมากๆ แล้วเวลาแสดงออกมันเหมือนใช้ความเชื่อ เชื่อและคิดเหมือนเป็นตัวละคร” 

นี่เป็นการแสดงในผลงาน Girls’ Love ครั้งแรก รู้สึกอย่างไร 

“สำหรับหนู มันท้าทายนะ หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นแนวใหม่ แล้วตัวหนูเองยังแสดงมาไม่มาก ยังไม่เคยแสดงคู่ทั้งกับผู้ชายหรือผู้หญิงเลย เวลาเข้าฉากต่างๆ มันเลยเหมือนเป็นครั้งแรกที่ทั้งตื่นเต้นและกดดัน แล้วมันก็เป็นแนวดราม่าด้วย เลยต้องใช้พลังจากด้านในค่อนข้างเยอะ อีกเรื่องที่ท้าทายก็น่าจะเป็นการเล่นกีตาร์ เพราะมีเวลาจำกัดในการซ้อม บางเพลงแกะโน้ตสดหน้างานเลย คือเราเล่นกีตาร์มาบ้าง แต่ไม่ได้เซียน จับได้แต่คอร์ดง่ายๆ ก็เลยต้องพยายามเยอะมากค่ะ

“แล้วเรื่องนี้มันมีความเรียลิสติกค่ะ ตัวละครมันสมจริง โดยเฉพาะการใช้ชีวิตของผู้หญิงสองคนที่มีความรัก ทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน มันเป็นการอัพสกิลเราในทุกๆ ด้านเลย ทั้งการแสดง การร้องเพลง เล่นดนตรี และการจัดการเวลา มันทำให้เราเปลี่ยนมายด์เซ็ตและทำให้เราโตขึ้น จริงๆ ก่อนจะเข้าวงการไม่ได้คิดว่ามันจะยากและเหนื่อยหนักขนาดนี้ คิดว่าเราก็น่าจะรับมือได้ แต่พอมาแสดงจริงๆ มันมีดีเทลหลายอย่างที่เราต้องเก็บเยอะมาก การทำการบ้าน การจัดการเวลา มันเยอะกว่าที่เราคิด แต่ถึงจะเหนื่อย แต่เราก็ชอบมัน อย่างที่บอก มันเหมือนเราสร้างงานศิลป์ออกไปให้คนอื่นได้ชม เราก็ภูมิใจในตัวเอง”

แล้วการได้ประกบคู่กับเอมี่เป็นอย่างไร 

“เคยเห็นพี่เอมี่ในผลงานอื่นๆ มาบ้าง รู้สึกว่าพี่เขาเท่จัง เคยคิดว่าเขาจะอยากแสดงกับเราไหม แต่พอได้แสดงด้วยจริงๆ พี่เขาชิลล์ เข้าถึงง่าย คุยกันง่ายมีความต่างกันแต่ก็เข้ากัน อย่างนิสัยการกิน เรากินไม่เหมือนกันเลย ซึ่งมันเป็นความต่างที่ดี อย่างอะไรที่เขากิน เราไม่กิน สิ่งที่เรากิน เขาไม่กิน แล้วก็คุยเล่นกันได้ พอได้ทำงานด้วยกันใช้เวลาไม่นานก็เริ่มสนิทกัน เพราะเขาโอเพ่นและเฟรนด์ลี่”

ถ้าให้นิยามตัวเอง คิดว่าเหมาะกับคำว่าอะไร 

“ความเป็นธรรมชาติ เวลาแสดงส่วนใหญ่ พี่ฝนจะบอกว่าหนูมีความเป็นธรรมชาติอยู่ในตัว เป็นคนชิลล์ เป็นคนยังไงก็แสดงออกแบบนั้น ไม่ได้สร้างกรอบหรือกำแพงสกัดความคิดของตัวเอง” 

ความคาดหวังของสาววัย 20

“อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่ทำอยู่ เพราะเราทุ่มเทกับมันมากๆ อยากให้มันสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้อยากตั้งความหวังอะไรมากนะคะ แล้วก็อยากประสบความสำเร็จทางการเงิน อาจจะทำธุรกิจหรือหาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ยังไม่ได้คิด คิดว่าความสำเร็จคือการใช้ชีวิตแบบอิ่มแล้วค่ะ มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันรวมถึงเรื่องอื่น มันบาลานซ์ เติมเต็มจนเราแฮปปี้กับมันแล้ว ไม่หนักและไม่น้อยเกิน เป็นความกลมกล่อมของชีวิต”  

นอกจากการแสดง มีแพสชั่นอะไรบ้าง 

“ชอบวาดรูป เล่นกีตาร์ ดูการ์ตูน ดูซีรีส์ ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กแล้ว เคยร้องเพลงที่โรงเรียน แต่พอมาเข้าวงการก็เหมือนลืมสิ่งนี้ไป แต่เรื่องนี้ได้นำกลับมาใช้ แล้วก็ร้องเพลงประกอบซีรีส์ที่จะปล่อยเร็วๆ นี้ด้วยค่ะ ดีใจที่ได้นำมาใช้ เป็นสิ่งที่อยากทำ ก็เลยรู้สึกฟูลฟิล”  

แรงผลักดันในการใช้ชีวิตคืออะไร 

“มันฟังดูง่ายๆ มากเลยค่ะ แต่สำหรับหนูคือการกินของอร่อย ได้พักผ่อน ไปนวด ดูซีรีส์ อยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆ แต่ก่อนเป็นคนซีเรียส คิดเยอะ แต่พอหลังๆ รู้สึกว่าเครียดไปก็ไม่ได้อะไร ก็พยายามปล่อยวาง แล้วหันไปโฟกัสกับสิ่งที่เราแฮปปี้” 

สำหรับบอนนี่ ความรักทำให้…

“ทำให้เรามีแพสชั่นในการใช้ชีวิต เหมือนตัวละคร พอมีความรัก แพสชั่นในชีวิตเปลี่ยนไปเลย อยากทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก คิดว่ามันจุดไฟในการใช้ชีวิตใหม่ๆ”

คำแนะนำที่ดีที่สุดที่มีคนเคยบอกเรา

“แม่เคยบอกว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเราตั้งใจ ถ้าเราตั้งใจแล้วมันย่อมดีเสมอ ถึงจะผิดพลาดเราก็ยังได้อะไรกลับมา”

อยากเก็บอะไรไว้ในไทม์แคปซูลเพื่อเปิดในอีก 50 ปีข้างหน้า

“ถ้าสิ่งที่ทำอยู่นี้ประสบความสำเร็จ อยากถ่ายรูปสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลานี้เก็บเอาไว้ เผื่อวันข้างหน้าเราคิดถึงมัน”

อีเอ็มไอ

ทราบมาว่าสมัยก่อนอยากร้องเพลง 

“จริงๆ จุดเริ่มต้นในวงการคืออยากเป็นนักร้องก่อนค่ะ สมัยก่อนแม่ชอบพาไปดูประกวดร้องเพลงรายการ Academy Fantasia (AF) ตั้งแต่ซีซั่น 2 เราก็น่าจะซึมซับตรงนั้น มีความอยากร้องเพลง ก็ไปประกวด ไปคัดตัวเพื่อเป็นนักร้อง แต่ก็ไม่ได้เลยสักครั้ง ก็เลยค่อยๆ ห่างจากสายนั้นไป”  

แล้วการแสดงล่ะ

“มันเริ่มจากเราชอบหางานพาร์ตไทม์ทำ วันหนึ่งก็ไปเจอในเฟซบุ๊กกรุ๊ปที่เขารับสมัครนักแสดงตัวประกอบ ก็รู้สึกสนใจและสมัครไป ส่วนใหญ่เป็นงานนักแสดงประกอบ ทำงานได้ 300-500  จนเริ่มได้มีบทพูด คือเวลาอยู่หน้าเซ็ต เราไม่กลัว ก็คิดว่านี่อาจจะเป็นความชอบของเราหรือเปล่า อาจจะไม่ใช่เรื่องเงินแล้วที่ทำให้เราอยากทำ แล้วเราก็ทำมาได้ยาวนานตั้งแต่อายุ 16 ยังจำซีรีส์ เรื่องแรกที่ลงไลน์ทีวีได้เลย ได้มีบทพูด ภูมิใจมากกก… แต่ถ้าพูดถึงผลงานที่เป็นจุดเปลี่ยนก็คือ ‘เด็กใหม่’ เป็นเรื่องแรกที่มีบทเยอะแล้วมีีคนพูดถึงว่าคนนี้คือใคร คนเริ่มพูดถึงในทวิตเตอร์ว่าใครแสดงเป็นนาน่า ดีใจมาก พอคนเห็นจากเรื่องเด็กใหม่ เริ่มมีคนติดต่อให้ไปเล่นเรื่องนั้นเรื่องนี้มากขึ้น ก็เลยน่าจะเริ่มจริงจังจากตรงนั้น แล้วหลังจากนั้นก็มาเข้าสังกัด GMMTV
ได้แสดงซีรีส์เรื่อง ‘Beauty Newbie’ ค่ะ” 

เติบโตมาแบบไหน เป็นเด็กกล้าแสดงออกหรือเปล่า

“ก็เป็นเด็กขี้เขินอยู่นะ แต่ก็มั่นใจไปเองอะค่ะ  เรารู้สึกว่าไม่ได้เป็นคนสวย
ไม่ได้เป็นคนหุ่นดี แต่แม่จะชอบพูดว่า คนที่สวยคือคนที่มั่นใจ ก็เลยนั่นแหละ ได้รับการปลูกฝังมาว่า ถ้าเรามั่นใจเดี๋ยวเราก็จะสวย เราอย่าไปคิดว่าเราหน้าตาไม่สวย ให้มั่นใจไว้ก่อนแล้วความสวยมันจะออกมาเอง ก็เลยกลายเป็นคนแบบนั้น จากที่แม่สอนให้มั่นใจแต่เด็ก”

ส่วนใหญ่คนจะมองว่าเอมี่เท่ จริงๆ แล้วเอมี่มองตัวเองอย่างไร

“ไม่ได้คิดว่าตัวเองเท่ขนาดนั้น แต่ก็คงไม่ใช่คนหวานแน่นอน แต่ก่อนจะเป็นคนที่หน้าจิกๆ พอเวลาไปถ่ายโฆษณา แล้วต้องทำหน้ายิ้ม สดใส จะทำไม่ค่อยได้ จะชอบโดนดุว่าอย่าทำหน้าจิก แต่เราก็รู้สึกว่าไม่ได้จิกนะ นี่หวานแล้ว  พยายามน่ารักแล้ว แต่มันอาจจะไม่ได้ออกมาแบบที่คนอื่นมองค่ะ”

แล้วรับบทนำครั้งแรกใน ‘Us ระหว่างเรา’ เป็นอย่างไรบ้าง

“จริงๆ ตื่นเต้นตั้งแต่ตอนแคสต์​แล้ว เพราะเรายังไม่เคยแคสต์บทนำ  ปกติ ทุกงานที่แคสต์แอบมีลางว่าเราจะได้หรือไม่ได้ แต่เรื่องนี้เป็นอะไรที่เราคาดเดาไม่ได้ มันก็เลยแบบ 50/50 พอรู้ว่าได้ก็ดีใจมากๆ ค่ะ สำหรับบท ‘แพม’  คือเราเคยเล่นบทเครียดๆ มาก่อนนะ แต่มันเครียดแบบได้ปล่อยออกมา แต่บทนี้มันเครียดแล้วเก็บไว้ข้างในหมดเลยทุกอย่าง แบกปมความแค้น ความโกรธ แบกความเศร้าทุกอย่างไว้ รู้สึกว่ามันต้องเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมกับบทนี้  แต่ก็คิดว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ดี พอไปกลางๆ เรื่องถึงรู้ว่า โอเค เราต้อง เตรียมกายเตรียมใจให้มันบวกเข้าไว้ เพื่อที่จะได้เล่นไปแล้วไม่เก็บความเครียดความเศร้าของแพมไปกับตัวเรา ทิ้งมันให้ได้ จะได้ไม่กลับบ้านไปเหนื่อย” 

ในเรื่องนี้ได้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วย 

“ใช่ๆ ดีใจมากค่ะ แล้วยิ่งพอได้ฟังเพลงก็ยิ่งรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครสุดๆ บางครั้งถ้ายังรู้สึกว่าเป็นแพมได้ไม่ดี ก็จะเปิดเพลงฟังนี่แหละ คือเพลงมันตรงมาก เพลงมันสื่อความหมายได้ดีมาก แล้วก็เพราะด้วย อยากให้ลองฟัง ความหมายดี แต่ร้องยากมาก ร้องยากสุดๆ”

ทำงานกับน้องบอนนี่ สนิทกันขึ้นไหม

“เราค่อยๆ สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเกร็งๆ เป็นคนถ้าเจอกันครั้งแรกจะไม่ค่อยกล้า จะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่กลายเป็นโชคดีว่าบอนนี่เขาเป็นคนพูด เป็นคนเข้าหา ถึงเราจะเป็นคนที่ต่างกันสุดๆ ก็เพราะจุดนี้ทำให้เราสนิทกันเร็วขึ้น ด้วยตัวบทด้วย ถ้าเราไม่สบายตัวไม่สบายใจต่อกันจะไม่สามารถทำออกมาเป็นธรรมชาติได้” 

ตั้งใจกับอาชีพนี้ไว้ว่าอย่างไร 

“จากที่เคยอยากได้เงิน ก็ได้ค้นพบว่ามันเป็นความชอบ เราชอบที่จะได้ explore อะไรใหม่ๆ อย่างการได้มาแสดงในซีรีส์ Girls’ Love เรารู้สึกว่านี่ก็เป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้ explore อะไรเหมือนกันนะ เราถามเพื่อนในคอมมิวนิตี้นี้ว่ารู้สึกอย่างไรที่ซีรีส์ GL ฮิตขึ้น ก็คุยกันว่าเมื่อก่อนบางคนยังไม่กล้า come out เลยนะ เพราะพ่อแม่บางคนไม่ได้เปิดรับขนาดนั้น  แต่คิดว่าสื่อสมัยนี้เป็นตัวชี้นำจริงๆ เพราะพอซีรีส์มันฮิตขึ้น พ่อแม่ก็เริ่มเห็น ก็เริ่มรู้สึกโอเค การที่เรามาเล่นตรงนี้แล้วยิ่งมีคนเห็น อาจจะทำให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น อันนี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอะไรให้เรา explore ไปเรื่อยๆ”

แรงผลักดันในชีวิตคืออะไร 

“ความชอบกับเงิน ตอนนี้หนูทำงานคนเดียวทั้งบ้าน หนูเลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตหนู แล้วยิ่งถ้าหนูได้ทำสิ่งที่ชอบแล้วได้เงินไปด้วยก็คงทำให้อยากมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ” 

มีคำแนะนำที่ดีที่สุดที่มีคนเคยบอกเราไหม

“จำไม่ได้ว่าใครบอก น่าจะชอบดูหนังเยอะมั้ง มีประโยคหนึ่งคือ ‘Everything happens for a reason.’ รู้สึกว่าอะไรที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ อาจจะเป็นคำปลอบใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนาทีที่แล้วไม่สามารถกลับไปแก้ได้ ให้ยอมรับไป แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็มีข้อคิดให้เราตลอด เอาจริงชีวิตผ่านมาขนาดนี้ มีโดนด่า มีผิดพลาด มีอะไรอยู่แล้ว แต่อะไรที่ทำให้เราก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ก็น่าจะเป็นคำนี้แหละ” 

นิยามที่บ่งบอกตัวเองได้ดีที่สุดในวันนี้คือคำว่าอะไร

“แพสชั่น แต่อาจจะไม่ได้แรงกล้า ถ้าให้อธิบายคือหนูว่าหนูเป็นคนที่พยายาม แล้วก็มีแพสชั่นด้วย แล้วหนูสู้ไหม หนูก็สู้ แต่หนูก็รู้สึกว่าหนูไม่ได้แรงกล้าขนาดนั้น เราค่อยๆ ไปในแต่ละวัน เราเป็นคนที่พยายาม เป็นคนมีแพสชั่น
ก็จริง แต่บางวันเราก็ปล่อยได้ค่ะ พยายามแต่ไม่ต้องเหนื่อยมากก็ได้ ไม่ต้องเป็นคนสุดเหมือนใครก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ เป็นตัวเอง” 

ช่างภาพ: Pannatat Aengchuan

ผู้กำกับแฟชั่น: Daneenart Burakasikorn

นักเขียน: Pimpilai Boonjong

นางแบบ: Emi Thasorn & Bonnie Pussarasorn

เครื่องสำอาง: MOOBANK

ผม: Thannicha Phayupmek

ผู้ช่วยภาพถ่าย: Twin Manajit, Nuttapon Mansukphol,

ผู้ช่วยสไตลิสต์: Jetwat Viriyarat

Videographer: Pasittha RungareeChairat

ผู้สร้างเนื้อหา: Janenita Chaimongkoltrakul

The post เอมี่-บอนนี่ เคมีใหม่ที่น่าจับตา! appeared first on L’Officiel Thailand.

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg