Blog

ความท้าทายใหม่ๆ ของ เบคกี้ และ แจ๊คกี้

สัมผัสแฟชั่นสุดโฉบเฉี่ยวท้าทายต้อนรับซัมเมอร์จาก เบคกี้-รีเบคก้า แพทริเซีย อาร์มสตรอง และแจ๊คกี้-จักริน กังวานเกียรติชัย สองนักแสดงมากความสามารถ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ในลุคแฟชั่นโมเดิร์นเฉียบคมร่วมสมัย ร่วมกับรถยนต์ ZEEKR 009 ในดีไซน์เท่หรูหราล้ำสมัยและเปี่ยมสมรรถภาพ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เพื่อหนุ่มสาวเออร์บันผู้รักแฟชั่น

เบ็คกี้

ช่วงนี้ได้ร่วมงานกันบ่อยมาก มีช่วงไหนที่เบคกี้ว่างจากการทำงานบ้างไหม

“ไม่ค่อยมีค่ะ ก็มีแค่ตอนที่ไปมัลดีฟส์ นั่นถือว่าได้พักผ่อนแบบเต็มที่จริงๆ ไปกับครอบครัว แล้วก็มีพี่ฟรีนกับพี่น้ำไปด้วย นานๆ ทีจะได้แบบนี้ เพราะกว่าเราจะจัดทริปขึ้นมาได้ กว่าแต่ละคนจะเคลียร์วันให้ได้ตรงกัน ยากมาก แต่ละคนทำงานหนักมาก แต่พอเราได้ไปพักผ่อนตรงนั้น กลับมาเราก็มีแรงที่จะพร้อมลุยงาน ซึ่งพอมาดูตารางก็เห็นว่าปีนี้งานหนักจริงๆ ค่ะ แต่ก็อยากทำผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตาม”

อยากรู้ว่า 24 ชั่วโมงของเบคกี้เป็นอย่างไร

“ถ้าวันที่ทำงานก็จะเป็นรูทีนนิดหนึ่ง ต้องดูว่ารถจะมารับเวลาไหน เราก็จะตื่นก่อน 1 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว กินข้าว และเดี๋ยวนี้ตอนเช้าก็จะทำน้ำปั่นดื่มเอง เพราะแดดดี้ซื้อเครื่องปั่นมา เลยลองทำดูค่ะ (หัวเราะ) พอขึ้นรถ ถ้าไม่เล่นโทรศัพท์ก็จะนอน ถึงสถานที่ก็ลุยงานยาว พอเสร็จงาน ถ้าวันนั้นยังไหว ก็จะลากตัวเองออกไปฟิตเนส เพราะรู้สึกว่ายังไงก็ต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรง ถ้าร่างกายเราฟิต เราก็พร้อมสู้และจะผ่านไปได้ อาจจะแค่ออกกำลังกายเบาๆ ก็ได้ เช่น เดินบนลู่วิ่ง หรือ workout ค่ะ จริงๆ ไม่ได้เน้นให้ผอม แต่อยากให้มีสุขภาพดี สดใส แฮปปี้ หลังจากฟิตเนสก็จะเป็น me time หรือ family time แล้วค่ะ ใช้เวลากับครอบครัว ดูหนังด้วยกัน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่ว่าใครจะยุ่งแค่ไหน ทุกคนก็จะอยากให้หาเวลามาทำกิจกรรมร่วมกัน”

อะไรคือความท้าทายในช่วงเวลานี้

“ตอนนี้ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรท้าทายเป็นพิเศษเพราะเพิ่งเริ่มปี โปรเจ็กต์ต่างๆ ที่วางไว้ก็ยังไม่ได้เริ่ม ทุกอย่างยังดูค่อยเป็นค่อยไปอยู่ เชื่อว่าความท้าทายคงจะเข้ามาเอง แต่ตอนนี้ปล่อยวางได้เยอะขึ้นมากๆ เมื่อก่อนเหมือนมี
ก้อนหินอยู่บนหลัง เราแบกทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ปีนี้บอกตัวเองว่าเราต้องปล่อยบ้าง ไม่งั้นจิตใจจะไม่ไหวเอา”

โปรเจ็กต์ใหม่ปีนี้

“ผลงานที่กำลังจะออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามกันก็คือซีรีส์เรื่อง Cranium (ปริศนาซากมรณะ) ค่ะ เล่นกับพี่ฟรีน แล้วก็จะมีหนังที่ตอนนี้ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ รวมถึงผลงานที่จะมีมาเซอร์ไพรส์กันด้วย ปีนี้มีอะไรให้ติดตามเยอะค่ะ แต่หลายอย่างยังเป็นความลับ งานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศก็มีมากขึ้นด้วย หลากหลายมาก ทั้งงานแฟนมีต งานดนตรี งานแฟชั่น”

สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเราคืออะไร

“บางทีคนมองว่าไม่รู้จะเข้ามาหาเรายังไง บางทีเรานิ่งมาก ยิ่งถ้าเจอครั้งแรกเราอาจจะไม่ได้พูดอะไรด้วย เพราะเราไม่รู้จะพูดอะไร เราอินโทรเวิร์ตและก็ค่อนข้างเลือกว่ารู้สึกสบายใจที่จะคุยกับใคร เจอคนมาหลายแบบ เลยคิดว่าตัวเองค่อนข้างปิดนะ แต่ถ้าสนิทแล้วก็เป็นอีกคนเลย แรกๆ อาจจะมองว่าเราไม่อยากคุยด้วยหรือเปล่า ไม่ใช่เลยค่ะ แค่ต้องใช้เวลานิดหน่อย”

วันนี้ ได้มาถ่ายแบบคู่กับรถ Zeekr 009 เป็นอย่างไรบ้าง

“สนุกมากค่ะ และรถยนต์ดีไซน์สวยมาก หนูว่าเวลาถ่ายกับรถ ลุคจะมีความแฟชั่นมากกว่าปกติที่เราถ่าย ชุดและหน้าผมทุกอย่างมันจะแฟชั่นมากๆ ก็เลยสนุกค่ะ และที่สำคัญคือได้ร่วมงานกับพี่แจ๊คกี้ซึ่งเป็น Friend of Zeekr อีกคนหนึ่ง ช่วงนี้เจอกันบ่อยค่ะ ในงานและอีเวนต์ต่างๆ เขา
น่ารักมาก ชอบที่ได้ทำงานด้วยกัน”

รู้สึกอย่างไรที่ได้เป็น Friend of Zeekr

“ไม่คิดเลยว่าจะได้รับเลือก เพราะการที่ได้เป็น Friend ของแบรนด์ไหนก็ตาม มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ แปลว่าแบรนด์เขาเชื่อใจในการเลือกเรามา ซึ่งเราก็ต้องทำเต็มที่ในการนำเสนอสิ่งนั้น อยากขอบคุณ Zeekr ด้วย
และขอบคุณทีมงานทุกๆ คนเลย”

คิดว่ารถ Zeekr 009 รุ่นใหม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราอย่างไร

“เพอร์เฟ็กต์ เพราะหนูเหมาะกับการเป็นผู้โดยสารอยู่แล้ว (หัวเราะ) เราทำงานมาทั้งวัน ซึ่งจริงๆ ก็แนะนำคนอื่นด้วยที่ต้องทำงานทั้งวันเหมือนกันค่ะว่าอย่าฝืนร่างกาย รถรุ่นนี้มอบความสบายให้คนนั่ง อย่างที่เล่าไปว่ากิจวัตรหนูคือตอนเช้าก็จะหลับบนรถเลย ไปตื่นตอนถึงที่ทำงาน รถเราเลยต้องเลือกที่มีที่นั่งสบายๆ ซึ่งเบาะรถรุ่นนี้ปรับเอนได้ละเอียดมาก รองรับสรีระ และที่ชอบมากคือมีฟังก์ชั่นนวดด้วย แถมมีทีวีให้ดูอีก เหมาะกับใครที่กำลังมองหารถที่มอบความสะดวกสบาย แถมยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

สำหรับปีนี้ คาดหวังอะไรไว้บ้าง

“ปีนี้โฟกัสเรื่องงานเต็มที่สุดๆ ทุกโอกาส ทุกโปรเจ็กต์ที่เข้ามา ก็จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด เป้าหมายหนึ่งที่อยากทำให้ได้ก็คืออยากเล่นหนังที่เป็นภาษาอังกฤษสักเรื่องค่ะ  หรือมีซีนภาษาอังกฤษก็ได้ ซึ่งเราก็ค่อยๆ ไปค่ะ มองว่าตัวเองยังเด็กมากและยังมีเวลาอีกเยอะ ตอนนี้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากคนรอบตัวไปก่อน และวันหนึ่งคงมีอะไรที่พาเราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้”

อยากฝากสารอะไรถึงแฟนๆ

“ต้องขอบคุณแฟนคลับเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่มีเขา ก็ไม่มีเรา เขาผลักดันเราสุดๆ ไม่ว่าคอนเทนต์ใดๆ ที่ออกมา เขาแชร์ เขามีส่วนร่วม นั่นเป็นส่วนที่ใหญ่มากๆ เราไม่รู้ว่าชีวิตจริงๆ พี่ๆ แฟนคลับเขาทำงานอะไรกัน เขาเป็นยังไงบ้าง เขาอาจจะยุ่งมากๆ ก็ได้ แต่ยังแบ่งเวลามาให้เราได้เสมอ แฟนคลับเบคกี้เหนียวแน่นและน่ารักมากค่ะ เราอยู่กันมา 5 ปีแล้ว มีทั้งแฟนคลับที่ออกไป ทั้งแฟนคลับใหม่ที่เข้ามา ซึ่งเบคกี้เข้าใจนะคะว่าเวลามันเปลี่ยน  ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ทุกๆ ปี แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เคยเข้ามา และทุกคนที่ยังอยู่ รวมถึงใครก็ตามที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตด้วยค่ะ”

ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เราทำเพื่อโลกใบนี้ได้  อยากทำอะไร

“อยากทำให้โลกมีความเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร อยากให้ทุกคนมีสิทธิ์ทำอะไรเท่าเทียมกันจริงๆ แล้วก็อยากช่วยโลกเรื่อง global warming อยากให้ทุกคนมาช่วยกันดูแลโลกที่เราอยู่ จริงๆ แล้วมีหลายอย่างในโลกนี้
ที่รอการแก้ไขไปทีละอย่างๆ แต่มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ อย่างล่าสุดที่เพิ่งมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ดีใจกับทุกคนด้วย เพราะคนเราควรมีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้”

แจ็คกี้

24 ชั่วโมงของแจ๊คกี้เป็นอย่างไร

“จริงๆ ก็มีงานทุกวัน ทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่จะแบ่งเวลาให้ตัวเองในช่วงกลางคืนของทุกๆ วัน ไม่ดูหนังก็เล่นเกม ได้รีแลกซ์ จะได้บาลานซ์ เกมก็หลังๆ มีไปสตรีมกับนิว สนุกดี มีไลฟ์บ้าง”

จากเมื่อก่อนแจ๊คกี้เป็นสมาชิกวง Trinity มาตอนนี้เป็นศิลปินเดี่ยว รู้สึกท้าทายอย่างไรบ้าง

“ก็ยังรู้สึกสนุกนะครับ ได้เป็นตัวเองเต็มที่ แสดงความเป็นตัวเองออกมาผ่านเพลง เป็นคาแร็กเตอร์เราจริงๆ แต่มันก็เหนื่อยด้วย เพราะเราดูแลตัวเอง แถมยังเปิดบริษัทเอง บริหารเอง  เป็นเหมือนค่ายเพลง ทำทุกอย่างตั้งแต่ขั้นแรก  ต้องวางแพลนให้ดีมากๆ แต่ส่วนหนึ่งมันก็ทำให้รู้สึกโตขึ้น”

นิยามการเป็นศิลปินเดี่ยวของแจ๊คกี้

“ผมตั้งใจนำเสนอความเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุดผ่านบทเพลง ปกติผมเป็นคนชอบฟังป็อป R&B หรือเพลงที่ฟังง่ายๆ ก็จะเน้นแนวนั้น อย่างเพลง ‘รักเอย (Who are u?)’ ที่เพิ่งปล่อยออกมา แต่งมาเสิร์ฟให้กับเดือนแห่งความรัก  เป็นเพลงน่ารักๆ วนฟังได้เรื่อยๆ เนื้อหาเกี่ยวกับการตามหาคนที่เรารัก เพลงนี้แต่งเองหมดเลย คือเราทำเป็นเดโมอยู่ในเครื่องไว้ แล้วรู้สึกว่ามันเข้ากับบรรยากาศพอดี

นอกเหนือจากงานเพลงแล้ว มีงานอื่นๆ ให้แฟนๆ ติดตามอีกไหม

“ถ้าล่าสุดเลยคืองานภาพยนตร์เรื่อง ‘พนอ’  (ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ 100 ล้านแล้ว) ดีใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ เป็นงานภาพยนตร์เรื่องแรกของแจ๊คกี้ ก่อนหน้านี้เคยเล่นแต่ซีรีส์ ซึ่งมันต่างกันนะ ในซีรีส์ เรื่องราวมันจะค่อยๆ ปูมาเรื่อยๆ เราจะเห็นว่าตัวละครเขาเจออะไรมา ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ แต่ภาพยนตร์มันมีความยาวแค่ 1-2 ชั่วโมง ก็ยากกว่า เพราะเราต้องเข้าใจแบ็กกราวด์หรือภูมิหลังของตัวละครให้ได้ชัดเจน แต่ก็เป็นสิ่งที่เราเรียนมาและได้เอามาใช้ ณ วันนี้ ผมอยากทำงานแสดงกับงานเพลงควบคู่กันไป มันสนุกคนละแบบ เวลาทำงานเพลง หรือขึ้นแสดงอยู่บนเวที เราเป็นตัวเองแบบ 100% แต่งานแสดงเราได้ลองเปลี่ยนคาแร็กเตอร์เป็นคนอื่น ต้องศึกษาและทำการบ้านเกี่ยวกับตัวละคร”

ช่วงนี้เห็นทำคอนเทนต์ใน TikTok เยอะขึ้นเหมือนกัน

“เมื่อก่อนคนจะไม่ค่อยเห็นมุมนี้ แต่ตอนนี้ก็ปล่อยจอย ให้คนเห็นความเป็นตัวเองมากขึ้น คอนเทนต์ที่คนไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น ล่าสุดมีไปเดินสยามและสัมภาษณ์ ก็สนุกนะ ได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างในตัวเอง เกิดมาทั้งทีก็ต้องลองทำอะไรหลายๆ อย่าง”

ตอนนี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นอินโทรเวิร์ตอยู่ไหม

“ก็กล้ามากขึ้นนะ แต่แล้วแต่โอกาสด้วย ผมไม่ได้ตีกรอบตัวเองว่าเป็น
อินโทรเวิร์ตหรือเอ็กซ์โทรเวิร์ต ถ้าสมมุติว่าเราอยู่กับคนที่รู้จักกันมานาน เราก็เป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตไง แต่ถ้าคนที่เพิ่งรู้จัก ก็จะมีระยะห่างนิดๆ แต่ผมก็คุยง่ายและเข้ากับทุกคนได้”

เป้าหมายสำหรับปีนี้คืออะไร

“อยากให้คนรู้จักแจ๊คกี้ในฐานะศิลปินเดี่ยวมากขึ้นครับ ก็จะต้องทำผลงานออกมาเยอะๆ และเดี๋ยวจะมีจัดแฟนคอนด้วย เป็นโปรเจ็กต์พิเศษ ช่วงพฤษภาคม เป็นแบบเดี่ยวเลยครับ น่าจะทำให้ภาพความเป็นศิลปินเดี่ยวมันชัดขึ้น อยากขยายฐานแฟนคลับ”

ณ ตอนนี้มีเรื่องอะไรที่สนใจเป็นพิเศษบ้าง นอกเหนือจากเรื่องงาน

“ช่วงนี้น่าจะหันมาดูแลตัวเองเยอะขึ้น เช่น ออกกำลังกาย หรือไม่ก็ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ที่ไม่ใช่แค่สุขภาพ บางทีก็เล่นเกมกับเพื่อน มันก็คือการดูแลตัวเองอย่างหนึ่งนะ เราได้แบ่งเวลาที่ทำอย่างอื่นมาให้ตัวเองบ้าง”

หนึ่งในสิ่งที่น่าภาคภูมิใจก็คือการได้เป็น Friend of Zeekr อยากทราบว่ารู้สึกอย่างไร

“อยากขอบคุณ Zeekr ก่อนครับ ที่ทำให้เราได้มาลองใช้รถไฟฟ้า เราไม่เคยคิดว่ารถไฟฟ้าจะมีเพอร์ฟอร์แมนซ์แรงขนาดนี้ พอได้มาลองก็ชอบมากๆ การใช้งานมันง่ายไปหมดและปลอดภัยด้วย ชาร์จที่บ้านก็ได้ สะดวก หรือถ้าขับระยะไกลหน่อย ก็สามารถหาสถานีชาร์จที่เป็นแบบชาร์จเร็ว ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ไปต่อได้เลย สนุกดีครับ เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ แถมยังดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย”

อยากทราบว่ารถ Zeekr 009 รุ่นใหม่ที่ได้ถ่ายแบบด้วยในวันนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แจ๊คกี้อย่างไรบ้าง

“นี่เป็นรถในฝันที่อยากได้อยู่ตอนนี้เลยครับ มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผมมาก เพราะเราทำงานในวงการบันเทิง บางทีไปออกกองจนถึงดึกดื่น ตอนได้ขึ้นไปลองนั่งและดูความสามารถของมันว่าทำอะไรได้บ้าง ก็รู้สึกว่าเหมาะกับเรามาก ถ้ามีคนขับรถให้และเราก็นั่งทำงานไป มีเบาะนวดด้วย จอทีวีก็ใหญ่ นั่งสบาย เราจะได้พักผ่อนขณะเดินทาง แถมเวลาไปไหน เรามีของเยอะมาก บางทีไปงานก็มีรองเท้าหลายคู่ มีแอ็กเซสเซอรี่ ต้องใช้พื้นที่ ถือว่าคันนี้มาตอบโจทย์จริงๆ”

แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของแจ๊คกี้มาจากอะไรบ้าง

“ของกิน (หัวเราะ) การได้กินของอร่อยมันคือแรงขับเคลื่อนในการใช้ชีวิต ตื่นมาต้องได้กินกาแฟละ หรือวันไหนตกเย็นมีเวลาก็ต้องไปกินชาบูหมาล่า ความสุขง่ายๆ อีกอย่างก็คือตัวเองแหละที่เป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง ในอนาคตอยากมีผลงานที่ดีให้แฟนๆ ได้ติดตาม”

สิ่งที่ท้าทายที่สุดในตอนนี้คืออะไร

“น่าจะเรื่องงานแหละครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวตลอดเวลา ทั้งสนุกและก็เหนื่อยมากๆ ท้าทายที่สุดแล้วคือการบริหารบริษัทตัวเอง OTH Entertainment ต้องทำให้มันอยู่ได้ มั่นคง และต่อยอดไปถึงอนาคตได้ ถ้าให้มองภาพ ใน 3 ปีผมมองว่าเราต้องเติบโตขึ้นอีก ตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นสังกัดของตัวเองด้วย และในอนาคตก็อยากจะมีศิลปินเข้ามาในสังกัดด้วยเหมือนกัน”

ช่างภาพ: Pannatat Aengchuan

ผู้กำกับแฟชั่น: Daneenart Burakasikorn

ผู้สัมภาษณ์: Pimpilai Boonjong

นักเขียน: Aunyawan Thongboonrod

แต่งหน้าสำหรับ Jackie: Jiranat Tungpasalkij

ผมสำหรับแจ็กกี้: Pocket Phubantat

แต่งหน้าสำหรับ Becky: Jedsada Kanson

ผมสำหรับ Becky: Wipauk Kanda

ผู้ช่วยภาพถ่าย: Nutapon Mansukhphol, Tawin Manajit, Yodboon Satyalakha, Leon Xavier Cole

ผู้ช่วยสไตลิสต์: Korawit Sattayapan,

Noppamas Khomsom

ผู้ประสานงาน: Akeera Sasungnern

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg