Blog

3 เรือนเวลาทุบสถิติใหม่จาก Watches and Wonders 2025

การก้าวไปในทางที่ไม่เคยไปทำให้เราค้นพบอะไรใหม่ๆ หรืออย่างน้อยๆ ระหว่างทางนั้นก็ได้ค้นพบจุดสูงศักยภาพของตนเอง  ความมุ่งมั่นที่พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หรือพัฒนาจากสิ่งที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมนั้นถือเป็นแรงขับที่สำคัญของวงการนาฬิกาเช่นกัน ดังที่ปรากฏในนาฬิกาสุดก้าวล้ำมากมายในงาน Watches & Wonders 2025 นี้ก็เช่นกัน ซึ่งในบรรดาผลงานเหล่านี้ มีผลงานทุบสถิติใหม่ที่น่าชื่นชมรวมอยู่ด้วย

นาฬิกาข้อมือที่ซับซ้อนที่สุดในโลก

Vacheron Constantin คือแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกโดยไม่เคยหยุดดำเนินกิจการเลยนับตั้งแต่ก่อตั้ง ในปีนี้ ทางแบรนด์นาฬิกาชั้นสู.จากเจนีวาฉลองครบรอบ 270 ปีอย่างยอ่งใหญ่ด้วยผลงานมากมาย และที่เป็นไฮไลต์ที่สุดก็คือ Les Cabinotiers “Solaria” Ultra Grand Complication – La Premiere  ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาข้อมือที่ซับซ้อนที่สุดในโลก

หลายคนอาจสงสัย ซับซ้อนอย่างไร? นั่นก็เพราะนาฬิกาหนึ่งเดียวในโลกนี้ประกอบขึ้นด้วยกลไกคอมพลิเคชั่นมากถึง 41 ตัวซึ่งจัดเลย์เอาต์แสดงค่าบนหน้าปัดด้านหน้าและด้านหลัง โดยในจำนวนคอมพลิเคชั่นนั้นมีคอมพลิเคชั่นตีบอกเวลา Westminster ซึ่งพัฒนาขึ้นใหม่และประกอบด้วยค้อนและฆ้องอย่างละ 4 ตัว  คอมพลิเคชั่นเกี่ยวกับดาราศาสตร์ที่หายาก (โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับตำแหน่ง การโคจรของดวงอาทิตย์) และเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการผนวโครโนกราฟ split-seconds และ celetial vault เข้ามา ทำให้สามารถคำนวณเวลาที่ดาวหนึ่งๆ จะปรากฎบนกลางท้องฟ้าได้ และความยากอีกประการก็คือการใส่กลไก Calibre 3655 และชิ้นส่วน 1,521 ชิ้นไว้ในตัวเรือนที่สวมใส่บนข้อมือได้ (ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  45 มม. และหนา 14.99 มม.)

Les Cabinotiers “Solaria” Ultra Grand Complication – La Premiere เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ Les Cabinotiers แผนกนาฬิกาชั้นสูงของแบรนด์ซึ่งใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 8 ปี และมีสิทธิบัตรใหม่ 13 ตัวที่รอจดทะเบียน

นาฬิกาทูร์บิญงที่บางที่สุดในโลก

ปีนี้เป็นปีแรกที่ Bvlgari แบรนด์ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 140 ปี เข้าร่วมแสดงนาฬิกาในงาน Watches and Wonders และหนึ่งในผลงานไฮไลต์สำคัญก็คือนาฬิกาทูร์บิญงที่บางที่สุดในโลกรุ่น Octo Finissimo Ultra Tourbillon ด้วยตัวเรือน 40 มม. แต่มีความบางเพียง 1.85 มม.

นาฬิกาสไตล์ ultra-thin นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 20 แต่ Bvlgari ก็สามารถก้าวเข้ายืนอยู่ในวงนี้ได้อย่างสง่างงามด้วยการเปิดตัว  Octo Finissimo ครั้งแรกเมื่อปี 2014 ในเวอร์ชั่นกลไกไขลานด้วยมือ  ตามมาด้วยกลไกอัตโนมัติ  และกลไกซับซ้อนอย่าง Minute Repeater, Tourbillon, Chronigraph GMT, Perpetual Calendar  ผลงานเหล่านี้โดดเด่นด้วดีไซน์ตัวเรือนแปดเหลี่ยม โดยหน้าปัดกลมล้อมด้วยขอบหน้าปัดแปดเหลี่ยมสองชั้น ที่เมื่อมองจากด้านหน้าดูใหญ่โดดเด่น แต่เมื่อมองจากด้านข้างกลับบางเฉียบจนทำลายสถิติความบางมากมาย  ความสำเร็จนี้เกิดจากการที่ Bvlgari มีโรงงานที่สามารถผลิตกลไก หน้าปัด ตัวเรือน และสายได้เอง

Bvlgari เคยนำเสนอ Octo Finissimo Tourbillon ในปี 2012 ซึ่งทำงานด้วยกลไกไขลาน ตัวเรือนบางเพียง 1.95 มม.​ ส่วน  Octo Finissimo Ultra Tourbillon  ขับเคลื่อนด้วยกลไก ทูร์บิญอง คาลิเบอร์ บีวีเอฟ 900 ซึ่งเป็นกลไกไขลานด้วยมือ  และมีเมนเพลททำจากคาร์ไบด์ทังสเตนที่รองรับกลไและเป็นฝาหลังตัวเรือนไปด้วยในตัว  ทั้งยังฉลุแบบสเกเลตันในบางจุดเพื่อเล่นกับแสง สำรองพลังงานได้นาน  42 ชั่วโมง

นาฬิกาดำน้ำที่เบาที่สุดในโลก

หลังจากที่นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกๆ  กำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1950  ทาง Ulysse Nardin ได้เปิดฉากการผลิตนาฬิกาดำน้ำของตนเองครั้งแรกในปี 1964  และพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดในงาน Watches and Wonders 2025 ทางแบรนด์ยังได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดตัว Diver (AIR) นาฬิกาดำน้ำกลไกจักรกลที่เบาที่สุดในโลก ทำงานด้วยกลไกสเกเลตันที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการผจญภัยในสภาพแวดล้อมสุดขีด ด้วยการลดน้ำหนักลงถึงครึ่งหนึ่ง นั่นคือ 52 กรัม เมื่อเทียบกับ Diver 44 มม. ที่เปิดตัวในปี 2019 ด้วยน้ำหนัก 120.5 กรัม

ความลับของนาฬิกาดำน้ำที่เบาหวิวนี้อยู่ที่กลไก UN-374 ซึ่งผ่านการคิดและการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยการตัดวัสดุบางอย่างออกจากกลไกเพื่อลดน้ำหนัก ทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลไกได้อย่างเหลือเชื่อ และใช้สะพานจักรกลที่มีรูปทรงบางเฉียบจัดเรียงในรูปสามเหลี่ยมเพื่อป้องกันการบิดงอและการเสียรูป ขณะเดียวกัน โรเตอร์ได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็ก บาร์เรลสปริงหลักถูกปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบลอยตัวเพื่อลดมวล ทำให้กลไกนี้มีน้ำหนักเพียง 7 กรัม แต่ก็ยังทนต่อการกระแทกได้ถึง 5,000 กรัม!

โดยทั่วไปแล้ว กลไกนาฬิกามักถูกสร้างจากทองเหลืองหรืออะลูมิเนียม แต่ในครั้งนี้ Ulysse Nardin ได้เลือกใช้ไทเทเนียมเป็นครั้งแรก เป็นที่มาของทั้งคุณสมบัติแกร่ง ทนทาน และมีน้ำหนักเบา ทั้งยังผสานกลไกซิลิกอนที่มีคุณสมบัติต้านทานแม่เหล็กและน้ำหนักเบาเข้ากับเอสเคปเมนท์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมความแม่นยำ โดยมีน้ำหนักเพียงครึ่งหนึ่งของบาลานซ์แบบดั้งเดิม ส่วนของตัวเรือนขนาด 44 มม. ยังได้ถูกออกแบบลดทอนน้ำหนักทุกกรัมที่เป็นไปได้ โดยใช้โครงสร้างแบบโมดูลาร์ที่มีความหนาแน่นต่ำ และเลือกใช้ไทเทเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ในการขึ้นตัวเรือน ซึ่งไทเทเนียมที่ใช้ยังเป็นวัสดุรีไซเคิลถึง 90% อีกด้วย

บทความอื่นที่น่าสนใจ:

นาฬิกาตั้งโต๊ะ..ผลงานมาสเตอร์พีซที่นำเสนอในงาน Watches and Wonders 2025

Austin Butler ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Breitling พร้อมเป็นเฟซนาฬิกาสุดเท่ Top Time

นิยามใหม่ของสไตล์สปอร์ตที่สง่างามซึ่ง Patek Philippe นำเสนอผ่านนาฬิกาตัวเรือนเหลี่ยมใหม่ล่าสุดในชื่อ Cubitus

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg