Blog

การค้นพบมุมมองใหม่ของนักแสดงสาวเก๋เปี่ยมสไตล์ ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล – L’Officiel Thailand

พบกับนักแสดงสาวเก๋เปี่ยมสไตล์ ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล ในเซ็ตแฟชั่นเรียบเท่หรูหราเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบสาวฝรั่งเศสจาก AMI PARIS คอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 โดย Alexandre Mattiussi ผสานจิตวิญญาณแบบปารีเซียงในฤดูร้อนเข้ากับแฟชั่นเรียบโก้ ผ่านงานดีไซน์ร่วมสมัย ในวัสดุเบาสบายดูผ่อนคลายที่มาพร้อมเทคนิคงานเทเลอร์แบบฝรั่งเศสที่เป็นเอกลักษณ์ของเมซง ตอบโจทย์แฟชั่นเพื่อสาวยุคใหม่ ที่สวมใส่ได้ในทุกวัน

ช่างภาพ: Thanut Treeschanchacha

สไตลิสต์: Pitipong Pongdam

นักเขียน: Weeranart Watchup

เมื่อพูดถึงพระอาทิตย์ขึ้นคุณนึกถึงอะไรบ้าง การเริ่มต้นใหม่? ความสดใส? ความหวัง? วันยากๆ อีกวัน? เราโตขึ้นอีกหน่อย?  สำหรับตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล ผู้มีพระอาทิตย์ขึ้นเป็นของตัวเองตั้งแต่แรกเกิด เธอพบว่าแต่ละวันในชีวิตคือการค้นพบสิ่งใหม่

ชื่อต้นตะวันมีความหมายว่าต้นทางของแสงตะวัน เป็นชื่อที่ล้อไปกับชื่อของพี่ชาย ต้นหน หมายถึงตำแหน่งผู้นำทิศทางเรือ ส่วนเธอเป็นดังทิศตะวันออก ทิศที่เรือจะมุ่งเดินทางไป และทำให้เกิดการค้นพบใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งในบทบาทนักแสดง การเป็นทันตแพทย์ และแฟชั่นที่เธอรัก

ค้นพบเมื่อเป็นนักแสดง

ตูผ่านการแสดงซีรีส์มาสี่เรื่องกับภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่อง และกำลังอยู่ในระหว่างการทำงานในซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ที่หลายคนตั้งตารอคอย อย่าง Scarlet Heart Thailand ซีรีส์แนวแฟนตาซีย้อนยุคที่สร้างจากนวนิยายจีนชื่อดัง `และเคยสร้างเป็นซีรีส์ในเวอร์ชันจีนและเวอร์ชันเกาหลีจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ตูบอกว่าความท้าทายประการหนึ่งที่เธอเจอเสมอในการแสดงคือการต้องหาระดับการแสดงให้เหมาะกับเรื่อง ตัวละคร และประเภทของงาน “ภาพยนตร์มันอยู่ในจอใหญ่ สเกลการเล่นเล็กใหญ่จะไม่เท่ากับซีรีส์ ในภาพยนตร์บางทีเล่นน้อย แค่ทางสายตาก็เห็นชัดแล้ว แต่พอเป็นซีรีส์ที่มาอยู่ในหน้าจอเล็กๆ มันต้องเพิ่มเลเวลการเล่นให้มากขึ้น” เธออธิบาย “เวลาเล่นซีรีส์มักโดนบอกว่าเล่นน้อยเกินไป ขอเล่นชัดกว่านี้ได้มั้ย และคนดูบางส่วนอาจรู้สึกว่าเล่นแข็งจัง เพราะมองไม่เห็นอารมณ์ เป็นพาร์ทที่พยายามปรับอยู่เหมือนกัน ซึ่งมีปัญหามาตั้งแต่ช่วง F4 Thailand หัวใจรักสี่ดวงดาว Boys Over Flower  แล้ว”

และอย่างที่เธอบอก การหาระดับที่พอดีเป็นเรื่องยาก การเล่นน้อยเกินไปไม่ใช่ปัญหาเดียว “บางทีเล่นดูจริงเกินไปก็มี อย่างฉากใน F4 ที่โดนบูลลี่ เล่นน่ากลัวเกินไป ดูสะเทือนใจและออกมาเยอะเกินไป เขาอยากปรับให้มันดูมีความเป็นซีรีส์มากขึ้น ก็พยายามคุยและปรับกับผู้กำกับ” ทว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการแสดงสำหรับเธอไม่ใช่ซีนอารมณ์ ตูสารภาพว่า “เล่นฉากขับรถไม่ได้” จริงๆ แล้วตูเคยเรียนขับรถ แต่แทบไม่ได้ขับเลยหลังจากนั้น เมื่อต้องมาแสดงท่าทางขับรถจึงทำให้ดูประหลาดไปหมด “อย่างในเรื่อง ‘หลานม่า’ ฉากดราม่าเล่นสองสามเทคผ่าน แต่ฉากขับรถเล่นประมาณห้าเทค ผู้กำกับบอกว่ามือแปลกมาก แค่ซีนจับพวงมาลัย เปิดกระจก แล้วมีกล้องอยู่ข้างนอก เขาก็บอกว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ท่าคนขับรถแน่นอน เล่นยังไงก็เล่นไม่ได้ เขาเลยบอกว่าไม่ต้องเอามือจับอะไร นั่งเฉยๆ แล้วหันออกไปคุย ไม่ต้องพยายามทำท่า” เธอเล่าไปขำไป

นอกจากจะอยากพัฒนาฝีมือการแสดงแล้ว ความปรารถนาอีกอย่างที่เธออยากมีโอกาสทำในวงการนี้คือการแสดงคอนเสิร์ต “จริงๆ ไม่ใช่คนสายร้องเพลงและไม่ใช่คนเต้นเก่งด้วย แต่เคยเป็นเกสต์คอนเสิร์ตหลายครั้งให้คนในค่าย รู้สึกว่าการอยู่บนเวทีสนุกเหมือนกันนะ มันเติมเต็มบางอย่าง มีความสุขที่อยู่บนเวที เวลาเห็นคนเชียร์จากข้างล่างเยอะๆ พอเป็นคอนเสิร์ตมันเป็นการสื่อสารสองทางที่เราส่งไปเขาส่งกลับมาทันที เราได้ฟีดแบ็กทันที แล้วเราก็ได้รับพลังนั้นกลับมา”

ค้นพบเมื่อทำฟัน

ส่วนในด้านการเป็นนิสิตคณะทันตแพทย์ศาสตร์ ตูก็พบความท้าทายในทุกวันไม่ต่างจากงานแสดง “ด้วยความที่เรายังเป็นนิสิต ยังอยู่ในพาร์ทฝึก เรายังไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่ทำ ต้องมีอาจารย์คอยดู และเราไม่รู้เลยว่าช่องปากคนคนหนึ่งเปิดมาจะเจออะไร รู้สึกว่าเป็นความตื่นเต้นในทุกวัน” แต่กระนั้นความสุขในชีวิตเธอก็วนเวียนอยู่กับงานหมอฟันมากทีเดียว “บางทีเราคิดว่าเราแค่อุดฟัน แต่มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนคนหนึ่ง ตูเคยทำฟันให้คนไข้ แค่อุดฟันไปซี่เดียว เขากลับบ้านไปส่ง sms มาขอบคุณยาวมาก ว่า ‘เนี่ย หายเสียวฟันแล้ว ขอบคุณคุณหมอมากๆ’ คำขอบคุณมันทำให้เรามีความสุข” เธอเล่าเพิ่มเติมว่า “ตอนเด็กๆ ตูชอบดูยูทูบ DIY จะมีเทรนด์อยู่ช่วงหนึ่งในยูทูบยุคแรกๆ ที่มีคลิปสอนเย็บปักถักร้อย ทำเปเปอร์มาเช่ ปั้นดินน้ำมัน ก็คือชอบทำ (กิจกรรมพวกนี้) มาตั้งแต่เด็ก ตูว่ามันเชื่อมโยงกับการเรียนทันตแพทย์ด้วย มันเหมือนการทำงานฝีมือ การทำอะไรเล็กๆ ที่เราเพลิดเพลิน” นอกจากนั้นมันคือความรู้สึกอิ่มเอมใจบางอย่างที่เธออธิบายว่า “มันให้ความสุขกับเราเวลาทำอะไรสำเร็จสักชิ้นหนึ่ง ได้เห็นสิ่งที่เราทำออกมา พอทำเสร็จเหมือนเราทำอะไรบางอย่างสำเร็จ”

ค้นพบเมื่อสวมหมวกหลายใบ

หลายคนน่าจะรู้จักตูจากซีรีส์เรื่องแรกของเธอ F4 Thailand หัวใจรักสี่ดวงดาว Boys Over Flower ซึ่งส่งให้เธอโด่งดังในระดับนานาชาติทันที บทที่เธอได้รับตอนนั้นคือเด็กสาวมัธยมปลายที่โดนรังแกในโรงเรียน ในชีวิตจริงตูไม่ได้โดนรังแกแบบนั้น แต่การเข้ามาในวงการก็หนีไม่พ้นคำว่าร้ายและความเกลียดชังทางอินเทอร์เน็ต เธอเคยบอกว่าด้วยความรักของคนรอบข้างทำให้เธอสร้างความเคารพในตัวเองขึ้นมาได้  และอีกส่วนก็เป็นเพราะเธอมีชีวิตในหลากหลายสังคม ทำให้เธอสามารถหลุดจากโลกในอินเทอร์เน็ต “ด้วยความที่เรามีพาร์ทที่อยู่นอกวงการด้วย อย่างการไปเรียนมหาวิทยาลัยทุกวัน เจอเพื่อน เจออาจารย์ เจอคนไข้ มันทำให้เรารับรู้ว่าโลกมันกว้างมาก มีอะไรเยอะแยะมากมายจริงๆ กว่าแค่สิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์ เราเดินออกไปข้างนอกไม่มีใครมายืนด่าเรา คนที่ด่าอาจจะเป็นแค่คนกลุ่มเล็กมาก แค่พอมาอยู่ในโลกโซเชียลฯ เลยทำให้เราเห็นชัดขึ้นเท่านั้นเอง” ตูอธิบายวิธีคิดของเธอ “และสุดท้ายแล้วคนที่รู้ดีที่สุดว่าชีวิตเราเป็นยังไง เราเป็นคนยังไง เราทำอะไรอยู่ก็คือคนรอบข้างที่รักเราจริงๆ คนที่เกลียดก็จะเกลียด ถึงเราจะทำตามสิ่งที่เขาพูด สุดท้ายเขาก็จะด่าสิ่งที่เราทำอยู่ดี”

การเป็นทั้งนักแสดงและทันตแพทย์ไม่เพียงแต่ช่วยให้เธอมองชีวิตในมุมที่กว้างขึ้นเท่านั้น เธอยังค้นพบว่าการสวมหมวกทั้งสองใบช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันในด้านการงาน “เรื่องที่คล้ายกันในสองบทบาทนี้คือการเจอผู้คน การที่ตูทำงานในวงการ ทำให้ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่หลากหลาย เราก็นำไปใช้กับงานทันตกรรมที่ต้องเจอคนไข้ที่หลากหลายเหมือนกัน ต้องรู้จักวิธีการสื่อสาร ในขณะเดียวกันการที่เราเป็นทันตแพทย์ เราได้เห็นความลำบาก ความเหลื่อมล้ำค่อนข้างเยอะ ด้วยระบบโรงพยาบาล ตูได้ออกไปต่างจังหวัด ออกไปทำเคส ทำโครงการ มันทำให้เห็นชีวิตคนจริงๆ ค่อนข้างเยอะ”

สำหรับตูแล้วเธอไม่ได้มีความฝันในวัยเด็กเรื่องอาชีพมาก่อน แต่ทางเลือกทั้งสองนี้ทำให้เธอเรียนรู้อะไรมากมาย และเป้าหมายของเธอคือการทำสิ่งที่ทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้น “การเลือกเรียนหมอฟันทำให้ค้นพบว่ามันเป็นอาชีพที่ดีและให้อะไรเรากลับมาเยอะเหมือนกัน หกปีที่ผ่านมาตูโตขึ้นมากๆ ผ่านอาชีพนี้ ส่วนเรื่องการแสดงก็อยากทำอะไรใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำ อยากให้คนได้เห็นมุมใหม่ๆ เช่น บทบาทใหม่ๆ ให้เขาเห็นว่าเรามีความสามารถนะ อยากพิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้” บทบาทที่เธออยากเล่นมากเป็นพิเศษถ้ามีโอกาส คือบทหมอ “เพราะเราเรียนมา ถ้าฉันเล่นฉันต้องพูดศัพท์ได้เป๊ะ” เธอบอกแล้วหัวเราะ “จริงๆ ตอนนี้ก็มีซีรีส์หมอเยอะขึ้นแล้ว แต่ก็อยากให้บ้านเรามีซีรีส์ที่เล่าเรื่องหมอ เห็นชีวิตหมอจริงๆ มากขึ้นอีก ไม่ใช่แค่เลิฟไลน์ในเรื่อง” และบทบาทอีกอย่างที่เธออยากเล่นและอยากเห็นมากขึ้นอุตสาหกรรมบันเทิงไทยคือ “ตัวเอกหญิงที่ไม่ต้องเป็นนางเอก ไม่ต้องเป็นคนดีจ๋า อยากเล่นอะไรแบบนั้นบ้าง เรื่องที่ไม่ได้ต้องมีพระเอกนางเอก รักกันฝ่าฟันอุปสรรค”

ค้นพบเมื่อชอบแต่งตัว

มีเรื่องหนึ่งที่เราเคยได้ยินตูพูดเมื่อหลายปีก่อนคือ อยากเป็นดีไซเนอร์ อยากลองมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง มาวันนี้เธอรีบบอกปัดว่าเลิกฝันแบบนั้นไปแล้ว “ตูมาค้นพบว่าสุดท้ายแล้วเราชอบแต่งตัวจากชิ้นงานของคนอื่นมากกว่า เราไม่ได้อยากสร้างเสื้อผ้าชิ้นใหม่ๆ แต่เราชอบการมิกซ์แอนด์แมตช์” เธอบอกว่าเคยลองนั่งวาดรูปและลองออกแบบ ก็รู้สึกเลยว่าไม่ใช่ทางของตัวเองเท่าไร

ตูชอบแต่งตัวติดเฟมินีนนิดๆ จึงมักจับคู่ผสมผสานเสื้อผ้าหลายชิ้นให้มีเลเยอร์ มีชิ้นที่เป็นลูกไม้ หรือพองๆ เพราะไม่อยากให้การแต่งตัวดูทื่อเกินไป แต่เมื่อได้มาทำงานในบทบาทต่างๆ ที่ได้ลองสวมเสื้อผ้าหลากหลายที่ตนไม่เคยลอง เธอกลับได้ค้นพบสไตล์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ “เหมือนเราได้สำรวจหลายๆ อย่าง เหมือนทำงานแสดง ได้ไปเจอคาแรกเตอร์ใหม่ๆ  รู้สึกสนุกที่ได้ลองอะไรที่ไม่เคยหยิบมาแต่ง หรือไม่เคยเห็นตัวเองในภาพนี้ เช่นพอมาแต่งมาสคูลีน อ้าว ก็เท่นี่ ก็ไปได้ น่าสนใจ ได้เจอมุมใหม่ๆ ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอ”

การร่วมงานกับแบรนด์เสื้อผ้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอได้ค้นพบมุมเหล่านั้น อย่างแบรนด์ AMI PARIS ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ตูได้ลองแล้วชอบเลย สำหรับแบรนด์นี้เธอบอกว่า “สามารถใส่ชิ้นเดียวหรือสองชิ้นแล้วรู้สึกว่ามันไปกับสไตล์ของเราได้ดี และที่สำคัญคือใส่สบายมาก” นอกจากเสื้อผ้าแล้วสิ่งที่ตูโปรดปราน มากๆ ของ AMI PARIS คือกระเป๋า อย่างคอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 ตูภูมิใจนำเสนอกระเป๋าสานอย่างตื่นเต้น “มันมีความเป็นซัมเมอร์ แล้วมีเทกซ์เจอร์ ทั้งจากตัวกระเป๋าและโลโก้ที่เขาปัก รู้สึกว่ามันเรียบแต่ดูมีอะไร ตูคิดว่าเป็นชิ้นที่คนน่าจะชอบเยอะ” และองค์ประกอบเหล่านั้นเองที่เป็นจุดเด่นของคอลเลกชั่นนี้ ซึ่งยังคงความเรียบเก๋แบบปารีเซียนตามแก่นของแบรนด์ และให้กลิ่นอายฤดูร้อน โดยใช้สีสว่างที่ไล่ตั้งแต่โทนอบอุ่นไปจนถึงสีสดจัด หรือไม่ก็เล่นกับรูปทรงพองฟูหรือพลิ้วไหว รวมถึงการใช้วัสดุและเทกซ์เจอร์เพื่อเพิ่มมิติให้กับชิ้นงาน

นอกจากนี้ตูยังชอบวิธีการทำงานของแบรนด์เวลาคอลแลบด้วย อย่างแคปซูลคอลเลกชั่นที่ AMI PARIS ร่วมมือกับ Choi Woo Shik ก็เป็นอีกคอลเลกชั่นที่ตูชื่นชอบ “ตูชอบคู่สีมาก น่ารักเลย เห็นคู่สีแล้วนึกถึงเขาเลยแหละ แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นคอลแลบที่ไม่ได้ดูคอลแลบเกินไป ยังดูเป็นชิ้นงานที่มีความเป็นแบรนด์อยู่” เธอยังบอกว่าชื่นชอบโทนสีของแบรนด์นี้ด้วย “ตูชอบสีฟ้าของ AMI PARIS มาก กระเป๋าสีฟ้าของแบรนด์ก็น่ารัก” ถ้าได้ทำคอลแลบกับแบรนด์เธอเผยว่าอยากเลือกใช้สีฟ้านี้แหละมาคอนทราสต์กับสีน้ำตาล “มันจะมีความวินเทจนิดนึง ไม่ได้เป็นสีที่ไปในทางเดียวกัน แต่พอมาอยู่ด้วยกันแล้วมันส่งเสริมซึ่งกันและกัน หรือฟ้ากับแดงแบบโลโก้ AMI PARIS ก็เป็นคอนทราสต์ที่เบรกกันดี”

ค้นพบเพื่อก้าวผ่าน

ดูเหมือนว่าตูจะเป็นคนที่มีความมั่นคงในจิตใจสูง หาจุดลงตัวในชีวิตได้ดี และหาความสุขจากสิ่งที่ทำอยู่ได้เก่งกาจ แต่ตูก็ยอมรับกับเราอย่างหนึ่งว่าเธอต้องก้าวผ่านความกลัวบางอย่างเช่นกัน “เมื่อก่อนเรากลัวล้มเหลว กลัวทำพลาด แต่พอโตขึ้นก็รู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การที่เราพลาดไปแล้ว มันเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราเจออะไรอีกอย่างที่ดีขึ้น หรือที่เหมาะกับเรา เราจะไปเจอทางอื่น และมันอาจจะเวิร์กกว่า” เธอค่อยๆ อธิบายพัฒนาการทางจิตใจที่ทำให้เอาชนะความกลัวนั้นได้ “ตูรู้สึกว่าเสียดายโอกาสเมื่อก่อนมากๆ บางทีเราไม่ได้ทำบางอย่าง เพราะกลัวว่าจะตัดสินใจผิดพลาด กลัวว่าถ้าเลือกทางนี้แล้วท้ายที่สุดมันผิดจะทำยังไง แต่มาค้นพบว่ามันไม่มีการตัดสินใจที่ผิด เพราะไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรไป มันก็จะไปอีกทางหนึ่ง มันจะมีผลลัพธ์บางอย่าง แต่มันไม่ใช่ความผิดพลาด แค่อาจจะยังไม่ใช่ และอะไรที่มันเป็นของเราจริงๆ มันก็จะกลับมาหาเราในท้ายที่สุด ตูเชื่ออย่างนั้น”

อ่านบทความเพิ่มเติม:

พูดคุยกับ พรีม ชนิกานต์ ถึงการเติบโตในวงการที่กำลังบานสะพรั่ง

ทำความรู้จักกับสองนักแสดง ‘จอส-กวิน’ ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับบทบาทใหม่ที่ท้าทายในซีรีส์ ‘My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน’

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg