หอมณีกาญจน์: มนต์เสน่ห์แห่งพุทธศิลป์ท่ามกลางขุนเขาอันสวยงามของสระบุรี
สัมผัสความสงบและงดงามของหอมนสิการ ดินแดนพุทธศิลป์กลางขุนเขาสระบุรี
บทความ: เนตรนภา ปะวะคัง ภาพ: หอมนสิการ
สระบุรีเป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรม ด้วยระยะทางเพียง 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่แต่ก็ไม่อยากเสียเวลากับการเดินทางมากนัก โดยเฉพาะในอำเภอแก่งคอยที่มีทั้งภูเขาสูงสลับซับซ้อน ป่าไม้เขียวขจี และอากาศบริสุทธิ์ตลอดทั้งปี ที่นี่มีทั้งน้ำตกธรรมชาติ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ และวัดวาอารามเก่าแก่ให้ได้สักการะ ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติในอำเภอแก่งคอย มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจอย่าง “หอมนสิการ” ซึ่งโดดเด่นด้วยการผสมผสานงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยเข้ากับกิจกรรมเพื่อพัฒนาจิตใจ ในบรรยากาศที่แตกต่างจากวัดทั่วไป
หอมนสิการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 และได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 25 สถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน ประจำปี 2566 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หอมนสิการสร้างโดยมูลนิธิ โนอิ้ง บุดด้า ตามวิสัยทัศน์ที่จะเชื่อมโยงพุทธศาสนาเข้ากับวิถีชีวิตร่วมสมัย และเพื่อสืบสานวัฒนธรรม โดยได้เลือกทำเลที่ตั้งริมเทือกเขาพระพุทธบาทน้อยในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 450 เมตร ท่ามกลางผืนป่าอนุรักษ์ที่อุดมสมบูรณ์ การก่อสร้างใช้เวลากว่า 5 ปี โดยอาศัยความรู้ความสามารถจากทีมงานจิตอาสาหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น ศิลปิน นักออกแบบ สถาปนิก วิศวกร ทั้งยังคำนึงถึงการรักษาระบบนิเวศและการใช้พลังงานสะอาดเป็นหลัก
โครงการหอมนสิการมีขนาด 7.4 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ส่วนต่างๆ มากมาย เช่น อาคารหอมนสิการ ที่ภายในมีส่วนพื้นที่นิทรรศการและที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะบูชา, อาคารนิทรรศการ Spiritual Life ที่แสดงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนา, อาคารสอนและปฏิบัติสมาธิ โดยอาจารย์สอนสมาธิ จัดสอนฝึก นั่งสมาธิเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจ อีกทั้งยังมีบริเวณให้พักผ่อนไม่ว่าจะเป็นสวนสมาธิสำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาความสงบ, ธรรมะคาเฟ่ที่ให้บริการเครื่องดื่ม เบเกอรี และของทานเล่นหลากเมนู, สถานที่ผ่อนคลายกึ่งเอ้าท์ดอร์ที่เรียกว่ามุม Snack and Nap, ตลาดย้อนยุคที่ขายสินค้าชุมชนและสินค้าโดยผู้ปฏิบัติธรรม เช่น งานหัตถกรรมที่ทำจากวัสดุท้องถิ่น ขนมไทย อาหารไทยพื้นบ้าน จะนั่งพักผ่อนรับประทานที่ตลาดชุมชนหรือซื้อกลับบ้านเป็นของฝากก็ได้ และล่าสุดก็มีการเปิดอาคารหอศิลป์ที่จะมีผลงานศิลปะหมุนเวียนมาแสดง อย่างในตอนนี้ก็มีนิทรรศการภาพเขียนพระโพธิสัตว์กวนอิม ผลงานของศิลปินชื่อดังชาวจีนที่แสนงดงามและทรงคุณค่า หาชมได้ยาก ซึ่งจะจัดให้ชมได้ถึงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น
ไฮไลต์ของที่นี่เห็นจะเป็นอาคารหลักอย่างอาคารหอมนสิการซึ่งมีความโดดเด่นทั้งภายในและภายนอก ตัวอาคารเป็นสีขาวตัดกับสีของธรรมชาติโดยรอบ การออกแบบเป็นสไตล์ร่วมสมัย ยอดหลังคาได้แรงบันดาลใจมาจากโบสถ์วัดพุทธไธศวรรย์ จังหวัดอยุธยาที่เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น ผสมผสานกับศิลปะแบบขอม หน้าบันมีลวดลายแบบนีโอคลาสสิก ลวดลายภายในตัวอาคารมีการผสมผสานลวดลายสไตล์อินเดีย วิคตอเรีย และสุโขทัยให้ออกมามีความเป็นสากลอยู่ด้วย ทางเดินด้านในช่วงนิทรรศการเป็นอุโมงค์โค้งมนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอุโมงค์ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน ด้านหน้าหอศิลป์อุฟฟิซิที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ภายในอาคารหอมนสิการจะแบ่งออกเป็นส่วนนิทรรศการ “การเดินทางของพระพุทธเจ้า” แสดงประวัติของประพุทธเจ้าที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่อินเดียเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อน สไตล์นิทรรศการร่วมสมัยที่มีทั้งภาพ แสง สี เสียง และวิดีโอสื่อผสมระดับภาพยนตร์ ที่ผู้ชมจะได้ซึมซับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในรูปแบบที่น่าจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เป็นหอจัตุรัสที่ประดิษฐานพระบรมโลกนาถ พระพุทธรูปองค์สีทอง ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว พระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ และ ภาพปักพระบรมโลกนาถสุดวิจิตรที่เป็นภาพปักมือ 651,000 ฝีเข็ม ถัดจากหอจตุรัสจะเป็นนิทรรศการในเส้นทางขาออกที่มีลักษณะโมเดิร์นแกลอรีที่ให้คติธรรมและแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ผู้เข้าชมสามารถบันทึกภาพได้ที่บริเวณหอจตุรัสและนิทรรศการขาออกเท่านั้น
ทั้งนี้ หอมนสิการเปิดให้บริการทุกวันยกเว้นวันจันทร์ และจะรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที การเข้าชมอาคารมนสิการจะมีค่าเข้าชมเพื่อนำไปสนับสนุนค่าสาธารณูปโภค สำหรับรายละเอียดสามารถติดต่อสอบถามได้โดยตรงที่ทุกช่องทางของหอมนสิการ
บทความที่เกี่ยวข้อง: นิทรรศการจิตรกรรมเจ้าแม่กวนอิมอันงดงาม ณ ศาลามนสิการ สระบุรี