Blog

Apinara Srikarnchana: แนวทางของผู้ประกอบการรุ่นเยาว์เพื่อชีวิตที่สมดุล

ปรางค์ อภินรา ศรีกาญจนา นักธุรกิจหญิงยุคใหม่กับแนวคิดการใช้ชีวิตสมดุล
บทความ: ความหรูหรา ภาพ: ปัณณทัต เอ้งฉ้วน วีดีโอ: ปสิทธา รุ่งอารีชัยรัตน์, พันธ์ฤทธิ์ วรวุฒิวิทยารักษ์ กำกับแฟชั่น: รัชดา ทับทิมเพ็ชร

ในโลกของธุรกิจยุคใหม่ที่ทุกอย่างหมุนเร็วและเต็มไปด้วยความท้าทาย ปรางค์ อภินรา ศรีกาญจนา คือนักธุรกิจหญิงที่ก้าวทันทุกกระแส แต่ยังคงให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความงาม และสมดุลของชีวิตอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัว Cover Story ของ Luxuo Thailand ในครั้งนี้จึงได้ชวนเธอมาเผยเคล็ดลับความสำเร็จทั้งในเรื่องงาน รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตและความสุขที่ยั่งยืน

กิจวัตรประจำวันอะไรที่คุณปรางค์รู้สึกว่าขาดไม่ได้
การออกกำลังกายค่ะ ปรางค์ให้ความสำคัญกับตรงนี้มากๆ เพราะรู้สึกว่าเวลาเราไม่ออกกำลังกาย หัวจะไม่ปลอดโปร่ง สุขภาพไม่ดี ยิ่งอยากดูแลครอบครัวด้วย เราเลยอยากมีชีวิตที่ยืนยาว ได้ดูแลคนที่เรารักด้วย ก็เลยหันมาออกกำลังกาย ทีนี้พอออกไปเรื่อยๆ มันก็เสพติดค่ะ แต่สิ่งที่คิดว่าขาดไม่ได้เลยจริงๆ คือตื่นเช้าปุ๊บต้องทำเตียงค่ะ ไม่ทำเตียงไม่ได้ รู้สึกวินัยไม่มา

คุณปรางค์เริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองทั้งด้านความสวยความงาม ผิวพรรณ การแต่งกายอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อใด
คิดว่าเป็นผลพลอยได้ที่มีคุณแม่ที่รักสวยรักงาม แล้วก็มีพี่น้องผู้หญิงหมดเลย คุณแม่ก็เริ่มให้ใช้สกินแคร์ประมาณอายุ 17 ปี แล้วก็เริ่มทาครีมกันแดดตอนเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ คือเริ่มทาเป็น ทาแบบจริงจัง ใช้ SPF 50 ขึ้นไป แล้วก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมคุณแม่ถึงสอนให้เราหลบแดด คุณแม่จะพูดตลอดเลยว่า “ต้องหลบแดด” ก็เลยถือว่าเป็นอานิสงค์แล้วกันค่ะ ที่คุณแม่พูดตลอดเวลาว่าแดดคือ ตัวเกิดอนุมูลอิสระในผิวที่แย่ที่สุด ตอนนั้นก็อายุประมาณ 18 ปีค่ะ เราก็เริ่มดูแลมาเรื่อยๆ
จนตอนนี้ก็เชื่อใน “สกินไดเอ็ท” เพราะมีเพื่อนเป็นดาราเกาหลี เป็นนักแสดงหลายท่าน ก็สงสัยว่าทำไมเขาผิวดี อยากรู้ว่าสกินแคร์ที่โปรโมตมันจริงหรือไม่จริง ทุกคนก็พูดเหมือนกันว่าไม่ได้เชื่อในสกินแคร์หรือโลชั่น แต่เชื่อในสกินไดเอ็ทค่ะ ก็คือใช้น้อยอย่าง ใช้แค่ 3 อย่างเพื่อให้ผิวไม่ต้องออกแรงเยอะเกินไป เพราะผิวที่ออกแรงเยอะเกินไปในการดูดผลิตภัณฑ์ลงผิว ผิวก็จะแก่เร็ว ก็เลยลองวิธีนั้นมา แล้วหน้าก็เป็นประมาณนี้มาตลอดค่ะ สูตรสำเร็จก็คือ “วอช โทน มอยซ์เจอร์ไรซ์” คือล้างหน้าแบบไม่มีฟองหรือเป็นเนื้อมูสไม่เสียดสีผิว จากนั้นโปะโทนเนอร์ให้ผิวฟูขึ้น แล้วก็ทาครีมล็อคผิวเป็นขั้นตอนสุดท้าย ให้ผิวสงบและชุ่มชื้นตลอด แล้วผิวก็จะขาว ใส กระจ่างค่ะ

คุณปรางค์มีใครเป็นไอดอลในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ และได้นำคำแนะนำจากบุคคลนั้นมาปรับใช้หรือไม่ อย่างไร
คนที่เป็นไอดอลในเรื่องสุขภาพกายของปรางค์ก็คือคุณยายค่ะ คุณยายอายุ 90 แล้วนะคะ แต่ท่านเป็นคนที่แข็งแรงมาก เดินไม่ต้องใช้ไม้เท้าเลย เดินทางไปต่างประเทศกับลูกหลานได้สบายๆ ไฟลท์ 10 ชั่วโมงก็นั่งได้นะคะ คุณยายจะพูดเสมอว่าเป็นคนต้องดื่มน้ำ และเป็นคนต้องนอน ถ้านอนไม่ได้จะตายเร็ว ท่านจะพูดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนช่วงเอนทรานซ์ที่ต้องอ่านหนังสือ ช่วงเช็ทอัพธุรกิจ ท่านจะถามตลอดว่า “วันนี้ดื่มน้ำแล้วหรือยัง” “วันนี้นอนแล้วหรือยัง” ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจค่ะ คิดว่าเรายังไหว ยังวัยรุ่นอยู่ พอเราถึงวัยที่ต้องดูแลตัวเอง เราเลยรู้สึกถึงคำสอนที่คุณยายปลูกฝังมาตลอด
ส่วนเรื่องของสุขภาพจิตจะเป็นคุณพ่อค่ะ คุณพ่อเป็นคนคิดบวกมาก ไม่ว่าปรางค์จะทำอะไรผิดพลาดมา ท่านก็จะบอกว่าดีมากเลยลูก เพราะว่าถ้าลูกไม่เคยทำผิดเลย พ่อจะส่งลูกไปเรียนทำไม ไม่ว่าปรางค์จะเรียนที่ญี่ปุ่น สอบไม่ได้ หรืออะไรก็ตาม ปรางค์ก็จะนำคำสอนหรืออะไรดีๆ ที่คุณพ่อพูดมาใช้ค่ะ

ในฐานะผู้หญิงที่ต้องดูแลทั้งธุรกิจและตัวเอง คุณปรางค์มีวิธีจัดการความเครียดและดูแลสุขภาพจิตใจ ร่างกายและความสวยงามในตัวเองอย่างไรบ้าง
ปรางค์ว่าคำว่า “เวิร์ค-ไลฟ์ บาลานซ์” มันไม่มีบนโลกนี้นะ ไปเวิร์คมาก่อนแล้วค่อยหาบาลานซ์ทีหลัง ไปทำงานมาก่อน แล้วค่อยเจอว่าบาลานซ์ของเราอยู่ที่ตรงไหน ข้อหนึ่งที่ปรางค์คิดว่าปรางค์โชคดีคือการเลือกคู่ชีวิตที่ทำให้เรามีทัศนคติที่เบิกบานตลอดเวลา ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่เราและเขาก็ดูแลกันได้ตลอด เช่น เวลาที่ปรางค์ขี้เกียจออกกำลังกายมาก พี่ก้องก็จะซื้อถุงเท้าตลกๆ มาให้ใส่ พอเห็นแล้วก็รู้สึกว่า ออกกำลังกายก็ได้ วิธีจัดการของปรางค์ ปรางค์ว่าคือการทำอะไรอย่างมีสติค่ะ ปรางค์กับพี่ก้องเข้าวัดกันบ่อยมาก ปรางค์ชอบปฏิบัติธรรมมาก ตั้งแต่แต่งานก็บอกพี่ก้องว่ามี 2 เรื่องที่ขอ คือ ทุกวันอาทิตย์จะขออยู่กับคุณพ่อตัวเอง ขอกลับไปอยู่ที่บ้านบ้าง ได้ดูแลท่านบ้าง แล้วปรางค์ก็จะขอไปปฏิบัติธรรมทุก 3 เดือน สามีก็ให้ซึ่งเราคิดว่า เราเจอคู่ชีวิตที่เข้าใจถึงสิ่งที่สำคัญของเราแล้วค่ะ
การมีสติก็ทำให้เราสามารถกรองอะไรสำคัญ อะไรมาก่อนหลังได้ รู้สึกไม่ยุ่งเลย แต่ช่วงไหนไม่มีสติก็จะรู้สึกยุ่งไปหมด ทำอะไรไม่ทันเลย ปรางค์ว่าคนเรา เดินทีละก้าว ทานข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง ค่อยๆ คิดไปค่ะ อย่างปรางค์จะมีเช็คลิสต์ตั้งแต่เด็ก ก็จะจดหมดว่าตื่นเช้ามาจะทำอะไรบ้าง ซึ่งนิสัยนี้ก็ยังอยู่กับปรางค์ แล้วปรางค์ว่ามันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ปรางค์ทำแล้วทำให้ปรางค์เครียดน้อยกว่าคนอื่น

คุณปรางค์มีงานอดิเรกหรือกิจกรรมอะไรที่ช่วยเติมพลังให้คุณปรางค์บ้าง
ปรางค์ชอบมากๆ คือการไปดูงานอาร์ต ไปพิพิธภัณฑ์ จริงๆ เป็นคนชอบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากค่ะ มีอะไรเก่าๆ ในตัว ถึงแม้จะเป็นคนที่ทำสมัยและทำธุรกิจที่ออกแนวเทค นวัตกรรมนะคะ แล้วอีกอันที่ปรางค์ยังทำอยู่คือการโยคะค่ะ ไม่ใช่แนวโลดโผนตีลังกานะคะ แต่คือการฝึกหายใจ อันนี้ก็จะทำให้ผ่อนคลาย อันสุดท้ายคือ ทุกครั้งที่ได้อยู่กับพี่น้องค่ะ เราจะรู้สึกเอ็กซ์โทรเวิร์ต จะเป็นคนที่ดูดพลังคนอื่นมา พี่น้องก็ไม่ค่อยอยากเจอเราเท่าไหร่ เพราะไปหาทีไร เราคือเติมกราฟขึ้นมา แต่เขากราฟดิ่งลง เขาเหนื่อย เพราะเป็นอินโทรเวิร์ต แต่สนุกค่ะ เวลาอยู่กับครอบครัวเราได้เป็นตัวของตัวเองได้จริงๆ ได้ทัศนคติใหม่ๆ จากคนที่อายุไม่เหมือนเราค่ะ

หากมีช่วงใดที่รู้สึกท้อแท้หรือไม่สบายใจ คุณปรางค์มีวิธีพาตัวเองให้หลุดออกจากอารมณ์นั้นอย่างไร
ปรางค์ว่าเกิดเป็นคนไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ เวลารู้สึกท้ออยากให้ทุกคนนั่งและตกผลึกกับตัวเองก่อนค่ะ มองเป็นรอบๆ จะเห็นว่ามันมีสิ่งที่น่าท้อแท้กว่า ปรางค์เชื่อว่าผู้หญิงเป็นสปีชีส์ที่แข็งแรงและเข้มแข็งที่สุดบนโลก อย่ารู้สึกท้อค่ะ บางทีความรู้สึกท้อเราสร้างขึ้นมาเอง ถ้ารู้สึกท้อเมื่อใด ให้เปลี่ยนเรื่องทันที เช่น นั่งในบ้านแล้วรู้สึกท้อ ลองเปลี่ยนที่นั่งค่ะ เปลี่ยนอิริยาบถ แล้วค่อยกลับมาคิดใหม่ ไม่มีอะไรที่เราแก้ไม่ได้ค่ะ มนุษย์เราฉลาดที่สุดแล้ว

อะไรคือหลักการสำคัญของคุณปรางค์ในการรักษาสมดุลระหว่างความสำเร็จในธุรกิจกับความสุขส่วนตัว
สำหรับปรางค์ ไม่มีความสำเร็จใดสำคัญมากกว่าความสำเร็จของครอบครัวค่ะ ความสุขของปรางค์ก็คือครอบครัว ในเมื่อความสำเร็จของปรางค์ไม่ใช่ตัวเลข ไม่ใช่เม็ดเงิน ปรางค์มีความสุขอยู่แล้วค่ะ ปรางค์ไม่เคยกดดันตัวเองว่าต้องทำได้ตามเป้าเคพีไอแบบนี้แบบนั้น การทำธุรกิจมันมีเรื่องของตัวเลขและผลกำไรอยู่แล้วค่ะ แต่โชคดีที่เราเซ็ทให้องค์กรและการบริหารธุรกิจเป็นแบบครอบครัวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พนักงานทุกคนตั้งแต่คอลเซนเตอร์ พี่คนขับรถ น้องคนขับรถ ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวของปรางค์ ฉะนั้นถ้าปรางค์ทำแล้วเขาเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ ปรางค์ก็ไม่มีความสุข แต่ถ้าทุกคนในองค์กรของปรางค์ประสบความสำเร็จกว่า 90% ในอาชีพที่ปรางค์ตั้งใจสร้างให้เขา ปรางค์รู้สึกว่าปรางค์สำเร็จแล้วค่ะ ปรางค์มีความสุขมาก ไม่จำเป็นต้องไปแข่ง หรือไปเปรียบเทียบตัวเองกับธุรกิจอื่นที่คล้ายกัน ซึ่งการไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นและบริษัทอื่นทำให้คุณประสบความสำเร็จเร็วขึ้นค่ะ

เป้าหมายในปี ค.ศ. 2025 นี้ของคุณปรางค์คืออะไร
ก็อยากให้ครอบครัวเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นค่ะ คิดว่าเป้าหมายนี้สำคัญมากๆ สำหรับผู้หญิงที่ทำงานมาตลอด มามีแฟน แต่งงาน รู้สึกว่าการมีลูกเป็นอีกก้าวที่ผู้เป็นแม่ต้องพร้อม ต้องเสียสละแบบที่คุณแม่ปรางค์ได้เสียสละให้ปรางค์จริงๆ แล้วก็อยากมีลูกในปีงูเล็กเหมือนตัวเอง ไม่รู้ว่าปีนี้จะสำเร็จไหม เพราะเดินทางเยอะมาก แต่ก็จะลองดูค่ะ ก็เป็นสิ่งที่ต้องการอันดับแรกของปีนี้ ส่วนเรื่องที่สองคือโปรเจ็กต์สร้างแกลลอรีชื่อ KS Nanzuka คือเป็นเชนแกลลอรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ก็จะมาเปิดในเมืองไทย จะเริ่มก่อสร้างเดือนหน้า ก็คิดว่าปลายปีน่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งธุรกิจศิลปะก็เป็นสิ่งที่ปรางค์ตั้งนิมิตรหมายไว้ว่าอยากคืนให้สังคม อยากให้คนไม่มองว่าศิลปินไทยยากจน เราอยากให้มีเด็กไทยที่วาดรูป ทำกราฟิก แล้วเป็นอาชีพที่น่าเคารพขึ้น แล้วก็อยากเอาศิลปินดังๆ ระดับโลกเข้ามาเมืองไทย มาเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยก้าวเข้ามาในโลกศิลปะมากขึ้น ก็เป็นเป้าหมายที่ปรางค์และสามีตั้งไว้ร่วมกัน และก็หวังว่าจะทำได้ค่ะ

คุณปรางค์มีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับผู้หญิงที่อยากประสบความสำเร็จทั้งเรื่องธุรกิจและการใช้ชีวิตเหมือนคุณปรางค์
ไม่มีใครประสบความสำเร็จทางอ้อมได้นะคะ ถ้าคิดว่านอนๆ หลับตาแล้วจะประสบความสำเร็จได้ ไม่มีทางค่ะ คุณยายสอนปรางค์เสมอว่า คนเราถ้าคิดในหัวว่าเดี๋ยวจะหาของนั่นนี่มาขาย มองแล้วว่าตัวเองอยู่ตรงนี่ตรงนั้น แต่พอตั้งสติได้ เท้าเรายังอยู่ที่เดิม ซึ่งอันนี้คืออันดับแรกเลยค่ะ ถ้าเท้าคุณยังอยู่ที่เดิม ก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะว่าไม่มีใครมีทางลัดทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรวยแค่ไหน คำว่าความสำเร็จของแต่ละคนมันไม่เท่ากันค่ะ ความสำเร็จของคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่ความสำเร็จของเรา ถ้าเราอยากสร้างความสำเร็จของตัวเอง อย่างแรกคือฝัน ฝันแล้วต้องลงมือทำค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง: การเรียนรู้สมดุลระหว่างการทำงาน: การเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจของพี่น้อง Panchasarp

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg