Austin Butler หนุ่มฮ็อตซึ่งโด่งดังจากบทบาทในภาพยนตร์หลายเรื่อง (ทั้ง Elvis, Dune: Part Two และ The Bikeriders) ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์นาฬิกาสวิส Breitling ในฐานะตัวแทนของการใช้ชีวิตอย่างอิสระ และพร้อมตอบรับทุกความท้าทาย
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังได้เป็นเฟซของแคมเปญคอลเลกชั่น Top Time ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่วันก่อน คอลเลกชั่น Top Time แฝงกลิ่นอายของเมอเตอร์สปอร์ต ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาโครโนกราฟในชื่อเดียวกันในยุค 1960s ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 38 มม. พร้อมหน้าปัดซึ่งมีให้เลือกสามเฉดสี
บัตเลอร์กล่าวว่า “สำหรับผม Breitling คือการผจญภัยและการก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ และ Top Time สะท้อนถึงแนวทางที่ผมอยากใช้ชีวิตมาโดยตลอด นั่นคืออิสระและพร้อมที่จะร็อกแอนด์โรล เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม”
Georges Kern ซีอีโอของ Breitling กล่าวว่า “ผมใช้เวลาอยู่กับออสตินในกองถ่ายแคมเปญและรู้สึกทึ่งกับความทุ่มเทและความเอาใจใส่ในรายละเอียดของเขา เขาใส่ใจที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์กับ Breitling”
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 Willy Breitling ได้ถ่ายทอดพลังแห่งจิตวิญญาณอิสระของยุคไว้ใน Top Time จนขึ้นแท่นเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงตัวตน โดยหลีกหนีจากการออกแบบนาฬิกาแบบเดิมๆ
ตั้งแต่แรกเริ่ม นาฬิกา Top Time ถูกสร้างขึ้นเพื่อความเร็วและสไตล์ นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ต ไอคอนด้านแฟชั่น และแม้แต่สายลับ เจมส์ บอนด์เคยสวมนาฬิกา Top Time ที่ดัดแปลงด้วย Q ในภาพยนตร์ Thunderball (1965)
ปัจจุบัน Top Time B31 ได้นำเอาตำนานดังกล่าวมาปรับโฉมใหม่ โดยแหวกแนวจากรุ่นโครโนกราฟแต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ด้วยขนาด 38 มม. แบบคลาสสิก เหมาะกับข้อมือทุกขนาดและทุกกิจกรรม จับคู่กับสายหนังเจาะรูพร้อมการเย็บแบบตัดกัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรากฐานของคอลเลกชันการแข่งรถ หรือสายนาฬิกาสแตนเลสสตีล 3 แถวที่มีข้อต่อตรงกลางแบบอสมมาตร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Breitling
“นี่คือการผลิตนาฬิกาที่กลั่นออกมาเหลือเพียงสิ่งสำคัญ ได้แก่ การบอกเวลาที่แท้จริง ความสะดวกในการสวมใส่ และลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น” เคิร์นกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น Top Time ยังทำงานด้วย Caliber B31 กลไกสามเข็มอินเฮาส์ตัวแรกของแบรนด์ ซึ่งใช้เวลาในการพัฒนานาน 4 ปี มาพร้อมเอกลักษณ์ของ Breitling ซึ่งสามารถจดจำได้ทันที ได้แก่ วงล้อบาลานซ์แบบฟรีสปริงเพื่อความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น และตุ้มถ่วงแบบสองทิศทางที่มีโครงเป็นโครงซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนกลไกอัตโนมัติ นาฬิการุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาให้สร้างความประทับใจ โดยคุณสมบัติเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังแบบเปิดของนาฬิกา โดยมีส่วนประกอบที่ตกแต่งด้วยลาย Geneva Stripe และ Perlage มาพร้อมกำลังลานสำรอง 78 ชั่วโมง และได้รับการรับรองความเที่ยงตรงตามมาตรฐาน COSC โดย -4/+6 วินาทีต่อวัน
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
Breitling x Victoria Beckham กับนาฬิกาสุดเท่พร้อมหน้าปัดสีโดดเด่น
Breitling Super AV1 สำหรับคนที่หลงรักนาฬิกาและโลกการบิน
