BAAB แบรนด์เสื้อผ้าจาก บีม พรรษนันท์ นักออกแบบไทยรุ่นใหม่ จากความฝันสู่ความสำเร็จในโลกแฟชั่น

มุ่งเน้นไปที่ความเข้มข้นและความสมดุลกับภูมิปัญญา
ปัจจุบันนี้ วงการแฟชั่นได้มีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นมากมาย และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของกลุ่มคนที่มีความฝันเหล่านั้นที่จะเปลงประกายและประสบความสำเร็จในแบบของตนเอง หากมองดูดวงดาวมากมายจะพบได้กับ BAAB แบรนด์เสื้อผ้าจาก บีม พรรษนันท์ นักออกแบบเสื้อผ้าไทยรุ่นใหม่ Gen Z ที่มีสไตล์ที่เรียบหรูและโดดเด่น กว่าเธอจะมาอยู่จุดนี้ได้การเดินทางของเธอต่างผ่านอะไรมากมาย และเธอทำอย่างไรให้จากความฝันของเธอสู่ความสำเร็จในโลกแฟชั่น
จุดเริ่มต้น
จริงๆแบรนด์ BAAB ที่บีมทำไม่ใช่แบรนด์แรกที่บีมทำ เราเคยทำทั้งแบรนด์กางเกงยีนและเสื้อสบายๆที่ใส่ได้ทุกวัน ทั้งสองแบรนด์นี้เราทำสมัยตอนที่เรายังเด็กๆ ด้วยจังหวะชีวิตอะไรต่างๆ เป็นที่น่าเสียดายที่เราอาจจะไม่ได้สานต่อมัน เราเป็นคนชอบทำมาค้าขายมาก ระหว่างนั้นเราก็ได้ลองขายอย่างอื่นเช่นกันที่ไม่ใช่เสื้อผ้า แต่แล้วด้วยการที่เราก็ชอบแฟชั่น ทีนี้เราได้มีโอกาสไปเรียนแฟชั่นที่ต่างประเทศ ใน 2 ปีแรกเราเรียนแฟชั่นดีไซน์ ส่วนที่เหลือเราเลือกที่เรียนเพิ่มเป็น International Fashion Business ซึ่งมีคนเรียนค่อนข้างน้อยและมาจากหลากหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่มาจากเอก Textile,Marketing หรืออื่นๆ ทีนี้ห้องเรียนนี้เราจะได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้ในหลายแง่มุม และมันทำให้เราได้ความรู้เพิ่มเติมได้เร็วขึ้น
หลังจากที่เราได้กระโดดเข้ามาทำ BAAB มันทำให้เราได้รู้ว่า “ทฤษฎี ก็ไม่มีทางสู้การปฏิบัติได้” ทฤษฎี ที่เราได้เรียนมาจากประเทศอังกฤษมันต้องมีการปรับให้เข้าสัมคมไทย ต้องคอยสังเกตลูกค้าและเข้าใจเขา
สุดท้ายทั้งอุปสรรคและบทเรียนจากสองแบรนด์แรกของเราทำให้เราตกผลึกได้ว่า การนำเอกลักษณ์ของตัวเราเองมาปรับใช้ในงานออกแบบและสินค้าของเรา เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานของเราเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและความสนุก ด้วยตัวตนของเราจะเห็นได้ว่าเราเป็นผู้หญิงทำงานและมีไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างเรียบๆแต่ความคลาสสิค แน่นอนว่ามันก็จากสื่อสารผ่านดีเทลต่างๆในงานเช่นกัน เช่น กระเป๋าเสื้อ เราคิดว่าทำไมจะต้องเป็นกระเป๋าหลอกเพื่อการตกแต่งเท่านั้น ทำไมเราไม่ทำให้มันใส่ของได้จริงๆ แต่การมีกระเป๋ามากเกินไปก็ดูไม่คลาสสิคอีก ฉะนั้นเราจึงชอบใส่กระเป๋าซ่อนแทนเข้าไปในหลายๆชิ้นที่ทำให้ได้ทั้งการใช้งานที่ดี และยังให้ลุคที่เรียบหรู
ชิ้นแรกที่ทำมันมาเป็นคอลเลกชั่นเลยค่ะ แต่พอหลังจากนั้นเราก็ออกเป็นชิ้นๆไปเสียมากกว่า เราอยากให้มันเป็นเหมือน Statement Piece ที่มันเก็บไว้ได้ อย่างเช่นเสื้อที่มันเป็น Tie Top เราอยากให้อะไรกับสาวๆที่อยากได้ความแตกต่าง แต่ยังคงดูเรียบหรู เบาๆ ดูแฟชั่นแต่ไม่ถึงกับความเป็น Quiet Luxury แค่รู้สึกว่าคำว่า Quiet Luxury มันเป็นเทรนด์ที่มาแล้วก็ไป ไม่ยั่งยืน อย่างแบรนด์ BAAB อยากให้เขาอยู่ตรงกลาง เป็นชิ้นเบสิก ที่สามารถเอาไปมิกแอนด์แมตซ์ได้ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหน
เอกลักษณ์ของแบรนด์
เชื่อว่าคำว่า BAAB เป็นคนที่ทุกคนมองข้าม เพราะมันเป็นคำที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว โดยเฉพาะเวลาเราพูดถึงอะไรที่มันเกี่ยวกับดีไซน์ หรือว่าเป็นคำที่ใช้อธิบาย อารมณ์ และคำๆนี้มันถูกใช้ในนักออกแบบแขนงอื่นๆไม่ว่าจะ สถาปนิก นักออกแบบภายใน หรืออื่นๆ ‘มันคือโครงสร้าง’ สุดท้ายคำนี้มันมีความหมายและความสำคัญในชิ้นงานที่ทำออกมาอยู่แล้ว
เราเป็นคนเอ็นจอยกับการทำ Branding ชอบคุมมู้ดแอนโทนของแบรนด์ จะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าของเรามีโทนสีที่ไปในทิศทางเดียวกันไม่ฉูดฉาดมาก ทำให้ใส่ได้ทุกวันและกลายเป็นชิ้นโปรดของใครหลายๆคน นอกจากนี้อินทีเรียดีไซน์ของร้านเราก็ค่อนข้างเรียบ เข้ากับเอกลักษณ์ของความเป็น BAAB เช่นกัน
อย่างชิ้นที่ขายดีของที่นี้คือ เบลเซอร์ ด้วยความที่เราให้ลูกค้าสามารถเลือกเปลี่ยนอะไหล่กระดุม เนื้อผ้า และสีได้ตามที่ต้องการ จริงๆมันเริ่มมาจากคุณแม่ชอบให้เราใส่นี่แหละ เพราะเราเป็นคนเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก แล้วต้องการให้ลุคมันดูภูมิฐาน หลักจากนั้นเราก็ใส่แต่สไตล์นี้มาตลอด
บางตัวของเรา สามารถเปลี่ยนปกคอเป็นปกข้อมือได้ ถอดได้เลย สมมุติว่าซื้อไปหนึ่งเซตลูกค้าสามารถแมตช์ได้เป็น 10 ลุคมันเป็น Capsule Wardrobe เราไม่อยากให้แบรนด์ BAAB เป็นเหมือนแบรนด์ Greenwashing (การวางตัวให้เสมือนรักในสิ่งแวดล้อม) สำหรับเราทำงานกับสิ่งที่มันคลาสสิคและเบสิกใส่ได้ตลอด เท่ากับมันรักในสิ่งแวดล้อมด้วยตัวของมันเอง และเราอยากให้ทุกชิ้นที่ลูกค้าซื้อไปเก็บไว้เป็นเหมือน ‘Investment Piece’ ของเขาและส่งต่อได้
เราคิดว่าผู้หญิงของ BAAB เสมือน ‘หงส์’ เพราะแทนความสวยงาม แต่หงส์เนี่ยไม่ได้มีแค่สีเดียว สีขาว สีดำ สีน้ำตาล และล้วนมีความแตกต่างในดีเทลบางอย่างของมันเอง เรามองว่าผู้หญิงของ BAAB เราสามารถสวยในแบบของเราเองได้ และมั่นใจในความเป็นตัวเอง
อย่างกระเป๋า BaBa Tote ที่เราเพิ่งปล่อยทำมาจากกาบกล้วย เราเชื่อว่าคนที่มองเห็นเรื่องของความรักสิ่งแวดล้อม เขาจะเข้าใจมัน เราตั้งใจพัฒนามาด้วยคำว่า No Waste Production เราไม่ได้เป็นจุดจบของการต้องไปเอาวัสดุสักอย่างมารีไซเคิล แต่การที่ปลูกต้นกล้วยมาและกระจายรายได้ให้กับรัฐวิสาหกิจกว่า 30 ครัวเรือน และกล้วยทุกส่วนยังสามารถนำไปทำอย่างอื่นๆอีก มันไม่มีขยะ
อุปสรรค
อุปสรรคแรกของเรา เราเป็นคนคุมโทนเยอะมาก เราเป็นคนแต่งตัวแต่สีขาวดำ ตอนแรกที่เราดีไซน์ เราก็ต้องเริ่มออกไปหาสีที่ลงตัวกับแบรนด์เรา ตอนแรกๆคนบางกลุ่มก็อาจจะไม่เข้าใจในจุดนี้ อย่างที่สองครึ่งหนึ่งของเราเป็นสายอาร์ต แล้วอีกครึ่งหนึ่งเราก็ต้องดูมาร์เก็ตติ้ง บางทีเราจะมีการตีกันของความคิด และเราดีไซน์เองทั้งหมด เราดีไซน์จากความชอบ บางตัวที่เราปล่อยออกไปอันนี้ได้ผลตอบรับดี เช่น Tie Top มันมีดีไซน์ของมันและสีขาวเราใช้ผ้ากัญชงที่เป็นผ้าไทย เลยมันคือการใส่ผ้าไทยโดยไม่ต้องตะโกน
นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าแบรนด์ของเรา เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มมาก ซึ่งมันก็มีความโดดเด่นแต่ก็มีความเข้าใจอย่างสำหรับบางคน เคยมีลูกค้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาซื้อเสื้อเบลเซอร์ของเรา เขาบอกเราว่าเขาติดตามร้านเรามาหนึ่งปี แล้วเขาหยุดงานมาเพื่อเสื้อตัวนี้ คือเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราทำมันจะถูกใจคนหรือไม่ และที่สำคัญ’การที่เราทำอะไรที่มันเฉพาะกลุ่มมากมันต้องใช้เวลา’ ต้องขอบคุณลูกค้าท่านนั้นที่เดินเข้ามาหาที่ร้านเพราะวันนั้นเราท้อไปเรียบร้อยแล้ว แต่เขาทำให้เรารับรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันยังมีคนเห็นอยู่
ชีวิตส่วนตัว
เราค่อนข้างมีเวลาน้อยเพราะเราทำธุรกิจหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเสื้อผ้าหรืออาหาร แต่เราชอบทำงานที่เราทำ เราเลยไม่ได้รู้สึกทรมานแต่กลับรู้สึกสนุกในทุกๆวัน การทำเสื้อผ้าที่เฉพาะกลุ่ม แต่เราสามารถนำความรู้จากธุรกิจนี้ไปต่อยอดให้กับธุรกิจอื่นๆได้ สุดท้ายมันคือการเรียนรู้ไปด้วยกัน และทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้วตลอดเวลา
แน่นอนว่าการที่ทำงานเยอะๆ มันมีบางโมเม้นต์ที่เราโยนทุกอย่างทิ้งแล้วเลือกที่จะขับรถไปพักผ่อนที่เขาใหญ่คนเดียว หรือพักด้วยการทำงานอดิเรกของเรา เราชอบยิงปืนมากมันคือการฝึกโฟกัสซึ่งเราเริ่มยิงปืนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เราชอบอยู่ที่เงียบๆและได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่าง และเราก็ชอบการเดินป่าเช่นกัน เพราะเราชอบธรรมชาติและมันให้ความสงบ นอกจากนี้การเสพงานศิลปะก็เป็นอีกกิจกรรมที่ทำให้เราได้พักผ่อน อย่างงานของคุณ SUNTUR ที่ทำให้เรามีจินตนการและทำให้เรานึกถึงอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเราเอง ทุกอย่างมันมีจุดร่วมเดียวกันคือ ‘ความเงียบ’ และมันสะท้อนออกมาผ่าน BAAB ที่ชิ้นงานมีความไม่ตะโกนแต่มีคุณค่าของตัวเอง
วิสัยทัศน์
ล่าสุดเราเพิ่งมีเว็บไซต์ของ BAAB และก็ได้ฐานลูกค้าจากต่างประเทศ เช่นมีลูกค้าบินมาซื้อจากสิงค์โปร์ มันก็เป็นอะไรที่ทำให้เราใจชื้นมากเพราะการที่ร้านเรา Stand Alone มันยากมากเพราะ Traffic มันอาจจะไม่ดีเท่าอยู่ในห้างสรรพสินค้า อย่างการที่เราสร้างเว็บไซต์และปล่อยกระเป๋า BaBa Tote เราคิดว่าคนต่างชาติน่าจะชอบความเป็น Sustainability และเชื่อว่ามันจะพาแบรนด์ BAAB ของเราไปในระดับสากลได้ นอกจากนี้ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนของโลก เราคิดว่าเขาน่าจะเห็นและเดินทางไปในแนวคิดเดียวกัน
“เราฝันให้ไกล และทำให้มันเป็นจริงให้ได้ ในวันนี้คนอื่นๆอาจจะยังไม่ได้เห็นคุณค่าที่เราทำ มันคือการทำไปเรื่อยๆ และใฝ่ที่จะเรียนรู้มันเสมอ และเป้าหมายมันที่เรามองไว้มันคืออะไร สุดท้ายมันก็ต้องใช้ความอดทนและความรัก”
บีม พรรษนันท์