Category is…Top 4! พูดคุยกับควีน 4 คนสุดท้ายจาก Drag Race Thailand ซีซั่น 3 ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันที่เข้มข้น
ถือเป็นการกลับมาสร้างสีสันให้กับวงการแดรกของประเทศไทยได้อย่างจัดจ้านกับ Drag Race Thailand ซีซั่น 3 ที่ที่มาถึงโค้งสุดท้าย พร้อมกับการแข่งขันที่เข้มข้นถึงขีดสุด ซึ่งเรากำลังจะได้รู้ว่ามงจะลงที่ควีนคนไหนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ก่อนจะถึงโมเมนท์นั้น เราขอพาคุณไปทำความรู้จักกับผู้เข้าแข่งขัน 4 คนสุดท้ายกันให้มากขึ้น ผ่านสไตล์การแต่งแดรกของพวกเธอ, มุมมองเกี่ยวกับแดรกที่แตกต่างแต่น่าสนใจ และความรู้สึกในการขึ้นมายืนเป็น 4 คนสุดท้ายแบบสุดปัง
แฟรงกี้ ขอบคุณ
ที่มาของคาแรกเตอร์แดรกของ Frankie Wonga
Frankie Wonga: “เป็นการรวมตัวกันของ 4 คำ ก็คือ ‘Fierce’ มีความปัง, ‘Freak’ มีความแปลก ความเอเลี่ยน และการแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์, ‘Fashion’ มีการแมตช์เรื่องของแฟชั่นเข้ามาเพื่อลุคที่เก๋ ส่งเสริมตัวตนของเรา และ ‘Fantasy’ ที่เราดึงความเหนือจริงจากคาแรกเตอร์ในหนังหรือการ์ตูนมาใส่ไว้ ให้แดรกของเราน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น”
มาจนถึงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? มีโมเมนท์ไหนที่รู้สึกตราตรึงบ้างไหมในการแข่งขันครั้งนี้?
Frankie Wonga: “ ตอนแรกเหนื่อย แต่ตอนนี้รู้สึกโล่งมากกว่า เพราะเรารู้สึกเหมือนได้ก้าวผ่านโปรเจ็กใหญ่โปรเจ็กหนึ่งในชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกก่อนว่าการเข้ามาแข่งในรายการ Drag Race Thailand เป็นเรื่องที่อยู่ในหัวมาตลอดตั้งแต่ในวันแรกที่เราตัดสินใจแต่งแดรก ตลอดการแข่งขันก็มีหลายโมเมนท์ที่ประทับใจและจำได้ แต่ขอเลือกโมเมนท์ที่เรารู้สึก ‘สะใจ’ ที่เราทำให้กรรมการเห็นอยากที่เราอยากให้เขาเห็น เรามีการวางแผนมาก่อนเข้ารายการว่าเราอยากให้กรรมกรารและผู้ชมทั่วโลกเห็นตั้งแต่ต้นซีซั่นว่าเราคือใครและเป็นใคร แบรนด์ดิ้งของเราเป็นอย่างไร และเรารู้สึกสะใจที่สุดคือตอนที่ได้คอมเมนท์จากกรรมการแต่ละคนอย่างพีอาร์ต อารยาพูดกับเราว่าเราสร้างแบรนด์ดิ้งได้ชัดเจน และพี่ปันปันบอกว่าเรามี Star Quality คำพูดพวกนี้มีความหมายกับเรามาก และมันเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าทั้งหมดที่เราตั้งใจทำมาตลอดนั้น เราทำได้แล้ว”
สิ่งที่อยากเห็นในวงการแดรกไทยในอนาคต
Frankie Wonga: “ค่อนข้างเบื่อกับการที่ต้องมา ‘รณรงค์’ ให้เกิดการยอมรับหรือเปิดรับศิลปะแขนงนี้ใน Pride Month ทุกๆ ปี อยากให้ใครที่อยากจะเข้ามาสู่วงการนี้ เริ่มต้นทำได้เลย ไม่ต้องกลัวหรือแปลกแยก เพราะเรามีกลุ่มก้อนที่ชัดเจน และพร้อมจะซัพพอร์ตคุณ การที่ทุกๆ คน เริ่มแต่งแดรกและแสดงความสามารถกันมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้วงการนี้เป็นที่รู้จักและเป็นที่เข้าใจมากขึ้นไปด้วยตัวของมันเอง”
ก็อดแลนด์
ที่มาของคาแรกเตอร์แดรกของ Gawdland
Gawdland: “‘Fearless’, ‘Rebellious’ และ ‘Unstoppable’ คงเป็น 3 คำที่สามารถนิยามแดรกของเราได้ สไตล์ของแดรกในแบบของ Gawdland มีความไม่อยู่ในกรอบ มีการตีความที่แตกต่าง และไม่มีข้อจำกัด มีอิสระที่แสดงออกมาทางการแต่งหน้า เสื้อผ้า และการแสดง”
มาจนถึงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? มีโมเมนท์ไหนที่รู้สึกตราตรึงบ้างไหมในการแข่งขันครั้งนี้?
Gawdland: “รู้สึกหายเหนื่อยที่ผลงานของเราออกมาสู่สายตาประชาชนซักที ทั้งฟี๊ดแบคจากคนดู มิตรภาพจากผู้เข้าแข่งขันด้วยกันเอง รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตตอนนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเลือกถูกทางแล้วที่จะเดินในเส้นทางของแดรก ส่วนโมเมนท์ที่ประทับใจ แน่นอนว่าต้องเป็นตอนที่เราชนะชาเลนจ์ทั้ง 2 ชาเลนจ์ (หัวเราะ) รู้สึกว่าเป็นโมเมนท์ที่เราภูมิใจมาก เพราะนี่คือเหตุผลที่เรามาแข่ง เพราะเราอยากจะชนะและคว้ามงกุฎ เพราะฉะนั้นนี่คือโมเมนท์ที่เรียกว่า ‘ฟิน’ สุดๆ ในรายการ ”
คำว่า ‘แดรก’ สำหรับ Gawdland คืออะไร?
Gawdland: “แดรกคือศาสตร์และศิลป์ของ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือบุคคลิก โดยไม่มีข้อกำหนดใดๆ ไร้ซึ่งขีดจำกัด เป็นการแสดงออกถึงสิ่งที่คุณอยากจะเป็นหรืออยากจะพูด อยากให้มองว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่มีความสนุกและความบันเทิงมาร่วมด้วย”
ซันไชน์รสเผ็ด
ที่มาของคาแรกเตอร์แดรกของ Spicy Sunshine
Spicy Sunshine: “โดยพื้นฐานเราเป็นนักเต้นมาก่อน เราก็ได้เอาสกิลการเต้นมาใช้เป็นหัวใจหลักของตัว Spicy Sunshine กลายมาเป็นแดรกควีนสายการแสดงบนเวที แล้วเราก็มาเรียนรู้สกิลในด้านอื่นๆ และทำให้ออกมาเป็นคาแรกเตอร์ สวย เซ็กซี่และขี้เล่น”
มาจนถึงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? มีโมเมนท์ไหนที่รู้สึกตราตรึงบ้างไหมในการแข่งขันครั้งนี้?
Spicy Sunshine: “สนุกมาเเละเรารู้สึกว่าเป็นการท้าทายตัวเองที่ประสบความสำเร็จสำหรับเรา เพราะเราพึ่งเข้ามาเดินในเส้นทาของแดรกได้ไม่นาน จากการเป็นนักเต้น มาถึงจุดนี้รู้สึกว่าเราทำได้ และภูมิใจในตัวเองมากๆ ส่วนโมเมนท์ที่เราประทับใจคงจะเป็นช่วงก่อนทำแต่ละชาเลนจ์ในรายการ เราจะเป็นสายซัพพอร์ตอยู่ตลอด ถึงจะไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด แต่ออกมาในรูปแบบภาษากาย และทุกๆ คนคอยส่งพลังให้กันตลอด ”
ประสบการณ์การแข่งขันในครั้งนี้ให้อะไรกับเราบ้าง
Spicy Sunshine: “สิ่งแรกคือความภูมิใจในตัวเอง ด้วยความที่เราเริ่มแต่งแดรกได้ไม่นานก่อนจะเข้าแข่ง ประสบการณ์น้อยกว่าคนอื่นๆ การเข้าแข่งขันครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายมากๆ และเราก็ทำได้มาจนถึง 4 คนสุดท้าย อีกอย่างที่ได้รับก็คือมิตรภาพ เราได้เพื่อนที่ดีและซัพพอร์ตกันอีก 11 คนเข้ามาในชีวิต”
เซเป้
ที่มาของคาแรกเตอร์แดรกของ Zepee
Zepee: “เป็นการผสมผสานจากตัวตน ประสบการณ์การเป็นนางโชว์ของตัวเอง และวิชานาฏศิลป์ที่เรียนมา เราหยิบเอาความโดดเด่นของแต่ละอย่างนี้มาสร้างเป็นคาแรกเตอร์ใหม่ที่มีแต่ความ ‘ว้าว’ ในทุกแง่มุม ทั้งการโชว์ การแสดง การถ่ายแบบ และอีกมากมาย”
มาจนถึงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? มีโมเมนท์ไหนที่รู้สึกตราตรึงบ้างไหมในการแข่งขันครั้งนี้?
Zepee: “ยังตื่นเต้นอยู่จนถึงตอนนี้นะ แต่เราก็จะสู้ต่อไปเพราะเราอยากมง ส่วนโมเมนท์ประทับใจจริงๆ มีหลายโมเมนท์ แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ คงจะเป็นตอนที่เราได้เห็นทุกคนก้าวเข้ามาใน Werqroom เป็นช่วงที่เราได้ลุ้นว่าใครมาแข่งบ้าง ทั้งคนที่เรารู้จักหรือไม่รู้จักไปเลย เป็นช่วงที่ตื่นเต้นมากๆ และอีกโมเมนท์หนึ่งคือตอนที่เราชนะชาเลนจ์แอคติ้ง เพราะเราชนะ (หัวเราะ) ”
ในอนาคตอยากเห็นอะไรในวงการแดรกไทย
Zepee: “อยากเห็นวงการแดรกไทยเปิดกว้างมากขึ้นไปอีก เราดีใจที่ได้เห็นแดรกรุ่นใหม่ๆ เข้ามาในวงการและเพิ่มความหลากหลายในวงการที่เราอยู่ ในยุคนี้แดรกกลายมาเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเข้าใจมากยิ่งขึ้นและเรียนรู้ศิลปะนี้ได้เร็วกว่ายุคเรา เราก็อยากให้ความปังของแดรกรุ่นใหม่ๆ เฉิดฉาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ”
นางแบบ: Frankie Wonga, Gawdland, Spice Sunshine & Zepee
ช่างภาพ : ธนัช ตรีจันทร์ชูชัย
บรรณาธิการแฟชั่น: วัชรชัย หนุนงาม
ผู้ช่วยช่างภาพ: สุรธรรม ทัพสุต และวันชัย อารีรักษ์
ผู้ช่วยสไตลิสต์: พงศกร ตรีเทพ และ นพมาศ คมสม
ที่ตั้ง: โซโห เฮ้าส์ กรุงเทพฯ