ย้อนกลับไปเมื่อปี 1906… ก่อนที่แฟชั่นเฮาส์นามมาว่า CHANEL จะถือกำเนิด นอกจากโชคชะตาได้นำพากาเบรียล ชาเนล ให้มารู้จักกับเอเตียน บัลซอง ซึ่งได้กลายมาเป็นคนรักของเธอแล้ว เขายังได้นำพาเธอไปรู้จักโลกหรูหราของชนชั้นสูงอีกต่อหนึ่ง และหนึ่งในสิ่งที่เธอได้ค้นพบก็คือลายควิลต์หรือ matelassé ที่ปรากฏอยู่ผ้าคลุมม้าและแจ๊กเก็ตผู้ดูแลคอกม้า ซึ่งต่อมาลวดลายนั้นก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่เธอก่อตั้ง โดยปรากฏอยู่บนกระเป๋าไอคอนิกของแบรนด์นับตั้งแต่ปี 1955
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015… จากที่ปรากฏอยู่บนกระเป๋า ลายควิลต์ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้สตูดิโอออกแบบไฟน์จิวเวลรี่ของ CHANEL สร้างสรรค์คอลเลกชั่นเครื่องประดับทองที่ใช้ชื่อว่า COCO CRUSH โชว์ลายเส้นตัดขวางแบบกราฟิกบนตัวเรือนโค้งมนอันเป็นจุดเด่น เน้นดีไซน์ร่วมสมัยผสมผสานความเรียบง่าย บ่งบอกถึงความพิถีพิถัน และสะท้อนจิตวิญญาณของ CHANEL ได้อย่างแท้จริง
“แหวน กำไล สร้อยคอไม่เพียงแต่ดูนุ่มนวลแต่แฝงความแข็งแกร่งเวลาที่ฉันใส่ Coco Crush มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลา ความทรงจำ ความรู้สึก…ทุกความเชื่อและความขัดแย้งที่สำคัญต่อกาเบรียล ชาเนล”
เจนนี่คิม
ไม่เพียงเท่านั้น COCO CRUSH ยังสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เพื่อสะท้อนความเป็นตัวเองได้หลากสไตล์ ไม่ว่าจะใส่เดี่ยวๆ ใส่หลากดีไซน์ หรือเลเยอร์ดีไซน์แบบเดียวกันเข้าด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังสวมใส่ได้โดยไม่จำกัดเพศ ตอกย้ำจิตวิญญาณอิสระของชาเนลมาตั้งแต่แรกเริ่ม
เวลาผ่านดำเนินมาถึงปัจจุบัน… COCO CRUSH ขึ้นแท่นผลงานไอคอนิกทั้งสำหรับแบรนด์และโลกจิวเวลรี่ และแม้เวลาจะผ่านไปนาน 10 ปี แต่ดีเอ็นเอเของ COCO CRUSH ก็ยิ่งฉายชัดเมื่อทางชาเนลได้ตีความและเพิ่มเติมดีไซน์ใหม่โดยไม่สูญเสียเสน่ห์และอัตลักษณ์ดั้งเดิม ดังเช่นผลงานล่าสุดที่เผยโฉมในช่วงต้นปีนี้ CHANEL เลือกใช้วัสดุเบจโกลด์ (Beige Gold) ซึ่งเป็นทองในเฉดสีเฉพาะตัวของเมซงโดยนำแรงบันดาลใจมาจากเฉดสีเบจที่มาดมัวแซลชาเนลหลงรัก มาใช้สร้างสรรค์ทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราสง่างาม
นอกจากนี้ยังมีการนำดีไซน์รูปตัว C และตัว O ซึ่งประกอบกันเป็นคำว่า C.O.C.O มาใช้เป็นลูกเล่น และยังเป็นครั้งแรกที่นำทับทิมสีแดงเข้ามาใช้ในคอลเลกชั่นนี้ ดังเช่นสร้อยพร้อมจี้รูปตัว C ซึ่งตรงกลางห้อยด้วยทับทิม รวมถึงตรงกลางของจี้รูปตัว O บนสร้อยข้อมือด้วย ทั้งยังเพิ่มความหรูหราด้วยการประดับเพชรแบบพาเว่ลงบนตัวเรือน โดยเฉพาะการประดับในแนวเฉียงบนลายควิลต์
หากจิวเวลรี่คือภาษาแห่งสไตล์ Coco Crush ก็คือคอลเลกชั่นไฟน์จิวเวลรี่จาก CHANEL ที่เราใช้นิยามความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งยังแฝงจิตวิญญาณของชาเนลเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม
แวะมาสัมผัสกันได้ที่ ลาน Hall of Fame ชั้น M สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 5 – 18 กุมภาพันธ์นี้
ลงทะเบียนได้ทาง CHANEL.COM
