Onpaku เสียงครวญผวา: ภาพยนตร์คัลช์สะท้อนความบิดเบี้ยวในจิตใจของมนุษย์ พร้อมพูดคุยกับ โจซี โฮ นักแสดงชาวฮ่องกง

ONPAKU ภาพยนตร์สายคัลท์จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยหน้าฉายความสยองขวัญที่เราได้สัมผัสตั้งแต่แรกเห็น จริงๆแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จัดอยู่ในภาพยนตร์ประเภทคัลท์ (Cult Films) ที่เน้นเรื่องราวของกลุ่มคนเล็กๆที่มีความเชื่อรวมกันอย่างแรงกล้าและไม่คิดชีวิตต่ออะไรบางอย่าง หรือเรียกได้ว่า “ลัทธิ” และไม่ได้พูดถึงเพียงแค่ความลึกลับ ชวนน่าขนลุก แต่มันคือภาพยนตร์ที่สะท้อนถึง “ความบิดเบี้ยวในจิตใจของมนุษย์” และเน้นการสำรวจ ‘ความเป็นมนุษย์และคุณค่าในศีลธรรม’ ภายใต้คติที่ว่ามนุษย์มีความน่ากลัวกว่าผี
เรามีโอกาสได้คุยกับ โจซี โฮ นักแสดงชาวฮ่องกงเบอร์ต้นๆของวงการ และเป็นเกียรติอย่างมากที่เธอให้เวลากับเรา ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานนักเนื่องจากด้วยตารางงานที่แน่นแบบฉบับซูเปอร์สตาร์จากเกาะฮ่องกงของเธอ แต่ช่วงเวลานี้เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง เพราะเธอได้พาเราให้ได้เข้าใจและลงลึกถึงตัวภาพยนตร์มากขึ้น
“ฉันต้องสื่อสารความอ่อนแอในจิตใจที่เกิดจากการควบคุมตัวเองไม่ได้”
“ใน ONPAKU ฉันเล่นเป็น Sarah เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก และเป็น CEO เรื่องเกิดขึ้นเมื่อฉันจำเป็นต้องเดินทางไปที่ญี่ปุ่นเพื่อติดต่อธุรกิจ แต่ฉันไม่สามารถหาที่พักที่ไหนได้เลยในญี่ปุ่นอย่างน่าประหลาดใจ จากนั้นฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่แนะนำที่พักให้ฉันแต่มันคือจุดเริ่มต้นของความสับสนในใจ จากที่ฉันเคยเล่นภาพยนตร์สยองขวัญมากมาย ในเรื่องนี้ฉันต้องสื่อสารความอ่อนแอในจิตใจที่เกิดจากการควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับฉันในชีวิตจริง”
แน่นอนว่าฉันทำการบ้านบางส่วนจากการดูหนังต่างๆ แต่ฉันให้เวลากับ ‘ปูมหลังของSarah’ เสียมากกว่า เธอเป็นคนแข็งแกร่งอย่างมากเนื่องจากปัญหาในครอบครัวของเธอที่เธอไม่ลงรอยกับคนเป็นแม่ที่จากเธอกลับบ้านเกิดที่ญี่ปุ่นเพราะมีบางอย่างที่ลี้ลับเรียกหาแม่ของเธอ มันจึงทำให้เธอต้องดูแลน้องชายเพียงลำพัง และต้องทำงานอย่างหนักเพื่อความอยู่รอด ต่อมาน้องชายของเธอได้เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อตามหาแม่เช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาทำให้ฉันต้องไปที่ญี่ปุ่นและทุกสิ่งมันเหนือการควบคุมของ Sarah เอง การเล่นหนังเรื่องนี้มันเหมือนเป็นการหาคำตอบว่า “ทำไม Sarah ถึงเป็นเช่นนี้”
นอกจากการเป็นงานแสดงแล้ว ฉันหลงใหลในการร้องเพลง ผู้คนมักคิดว่านักร้องจะต้องชอบปาร์ตี้และใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง แต่ฉันชอบทำสมาธิ ทั้งในวันปกติ ก่อนขึ้นเวทีและก่อนทำการแสดง ทำให้เข้าถึงความเป็นตัวละครมากในขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์ หลังจากนั้นฉันสามารถออกจากบทบาทนั้นแล้วกลับมาเป็นตัวเองได้อย่างง่ายดาย ในเรื่องนี้ฉันใช้วิธี Method Acting ผสมกับ Improvisation ซึ่งค่อนข้างยืดหยุ่นต่อการถ่ายทำแต่ได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ฉันไม่ได้อยากที่จะใช้วิธี Method Acting เพื่อที่จะอยู่ในคาแรคเตอร์ซาร่าตลอดเวลา เพราะฉันคิดว่ามันค่อนข้างที่จะอันตรายในบทเช่นนี้และนักแสดงบางท่านก็เกิดอันตรายและเหมือนจบการถ่ายทำความเป็นอัตตะอาจหายไปจากสิ่งนี้เช่นกัน จากการเล่นเป็นซาร่า ฉันชอบมาก และฉันหวังว่าจะมีบทบาทเช่นนี้มาอีก ฉันเคยฝันว่าอยากลองเล่นเป็น แม่มด บทบาทที่เป็นคนร้ายที่ควบคุมตัวเองได้ (เรียกได้ว่าเลวจากก้นบึ่งของจิตใจ)หรือ ตัวตัวตลก ที่สามารถทำอะไรก็ได้ในซีน
–WABI SABI ปรัชญาในการยอมรับความไม่สมบูรณ์ในชีวิต”
“สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเล่นเรื่องนี้คือ วัฒนธรรมญี่ปุ่น และ WABI SABI ซึ่งเป็นปรัชญาในการยอมรับความไม่สมบูรณ์ในชีวิต การไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบ แต่พยายามให้ได้มาเพื่อ “ความเป็นตัวเอง” ในแบบที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามการเล่นเป็น Sarah ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ WABI SABI โดยตรง แต่บางทีมันทำให้ฉันย้อนคิดว่า Sarah เมื่อตอนที่อยู่ ณ ฮ่องกง เธอแสวงหาความสมบูรณ์แบบในทุกสิ่ง”
–เราถ่ายทำกันในบ้านซึ่งไว้ใช้ถ่ายทำหนัง AV”
การทำงานกับทีมงานญี่ปุ่นมีความเป็นระเบียบและพิถีพิถันอย่างยิ่งในทุกขั้นตอน จริงๆก่อนที่ฉันเข้าถ่ายทำ ฉันนำ้หนักเพิ่มขึ้นนิดหน่อย พวกเขาเลยเปลี่ยนบทฉัน ตอนนั้นฉันต้องเล่นเป็นคนท้องซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมากต่อบท เมื่อฉันไปที่กอง เสื้อผ้าทุกอย่างมันพอดีตัวเรา ผสานกับการแต่งหน้าทำผมแล้ว มันเลยออกมาเป็นงานที่ถูกต้องอย่างยิ่ง”
ในการทำงานที่ฮ่องกง ฉันรู้สึกถึงความสบายๆและค่อนข้างอะลุ่มอล่วยเกี่ยวกับสถานที่ถ่ายทำและกระบวนการก่อนถ่ายทำ แต่ขณะที่ญี่ปุ่นพวกเขาทำแม้กระทั่งการซ้อมในการจัดไฟก่อนที่จะถ่ายทำ ถึงแม้เขาจะมีบัจเจตที่ค่อนข้างจำกัดในหนังเฉพาะกลุ่มก็ตาม
ทุกคนมีความละเอียดอย่างมาก เรามีการถ่ายทำในโตเกียว คุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าทีมงานเรื่องนี้ได้เลือกสถานที่ถ่ายทำในบ้านซึ่งไว้ใช้ถ่ายทำหนังผู้ใหญ่ (AV Movie) ซึ่งราคาย่อมเยาว์และได้ความเป็นญี่ปุ่นมาก ผู้กำกับคนนี้ฉลาดจริงๆ เรียกได้ว่าผลลัพธ์ออกมาได้ภาพที่ค่อนข้างตรงตามที่แพลนเอาไว้เลยทีเดียวมันแสดงให้เห็นว่า การทำภาพยนตร์ของพวกเขามันมาจากใจจริงๆและแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในศาสตร์นี้มากแค่ไหนแน่นอนว่าจากการเตรียมตัวก่อนมาถ่ายทำของฉันเอง และยิ่งฉันได้เห็นทีมงานที่ตั้งใจทำการบ้านอย่างหนัก ยิ่งทำให้ฉันมุ่งมั่นและอยากให้ผลงานเรื่องนี้ออกมาดีที่สุด
“ความศรัทธาจนเกินขอบเขตจริยธรรม”
ฉันค่อนข้างชอบเรื่องราวที่เล่นกับจิตใจของมนุษย์ มากกว่าหนังผี เพราะมันทำให้ฉันประหลาดใจเสมอเวลาที่มนุษย์กระทำบางสิ่งที่แปลกและเหนือความคาดหมาย เหมือนภาพยนตร์ของ Paul Thomas Anderson เรื่อง “There Will Be Blood” ที่เรียกได้ว่าดีแบบบ้าไปแล้ว มันแสดงให้เห็นว่า โบสต์และความเชื่อ มันครอบงำ ควบคุมจิตใจและเข้าถึงคนที่มีความศรัทธาจนเกินขอบเขตจริยธรรมได้อย่างไร
ปกติฉันชอบดูหนังจากทั่วโลกเลยนะ และชอบดูก่อนที่จะเข้านอน โดยเฉพาะภาพยนตร์ของค่าย A24 ฉันชอบมากและหวังว่าจะได้ร่วมงานกับพวกเขาเหมือนกัน มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ฉันจำได้ว่ามีหนังเรื่องหนึ่งชื่อ Club Zero (2024) ที่เกี่ยวกับชมรมในโรงเรียนที่บังคับให้ทุกคนทำการอดอาหาร สุดท้ายมันทำให้หัวหน้าของชมรมเสียชีวิต ซึ่งใดๆก็ตามมันไม่ได้ชี้ว่าเรื่องราวของการอดอาหารมันสยองขวัญอย่างไรแต่มันพิสูจน์ว่าการทำตามวัฒนธรรมนี้อย่างไร้การยั้งคิดมันคือหนทางสู่ความตายเสียมากกว่า
“สัตว์เลี้ยงหลายตัวของฉันได้เสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุ”
ฉันผ่านการเล่นภาพยนตร์สยองขวัญมาเยอะมากในสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา และมันเป็นภาพจำว่า “โจซี โฮ เท่ากับ หนังผี” ไปแล้ว แต่เรื่องแปลกๆที่ฉันเจอคือ ช่วงที่ผ่านมาสัตว์เลี้ยงหลายตัวของฉันได้เสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุไปตอนที่ฉันรับแต่งานหนังผี ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดอย่างยิ่งเพราะมันยังอายุน้อยอยู่เลย ถึงแม้ว่าฉันจะผ่านพิธีปิดตาที่สามแล้วจากศาลเจ้าที่ฉันเคารพ แต่ฉันเชื่อว่าฉันดึงดูดพลังงานลบหรือสิ่งลี้ลับกลับมาบ้านด้วย และน่าเสียใจว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนคนแรกๆในทีมที่จะพบกับมัน และหลังจากนั้นสมาชิกในบ้านของฉันก็เริ่มป่วย ฉันเลยคิดว่าฉันอยากลองเล่นภาพยนตร์ประเภทอื่นบ้าง
บรรยากาศของเราและ โจซี โฮ เป็นการคุยกันที่อบอุ่นและเหมือนรู้จักกันมานาน เธอกล่าวว่าหนังสือ ลอฟฟีเซียล เป็นหนึ่งในนิตยสารแฟชั่นที่ติดตามมานาน และเธอรู้สึกขอบคุณและดีใจที่เราได้พบกันวันนี้
“นอกจากนี้ฉันขอขอบคุณผู้กำกับ, โปรดิวเซอร์ ผู้จัดการชาวญี่ปุ่นที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและให้โอกาสฉัน
ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราสามารถ พาภาพยนตร์ของเรามาฉายที่นี้ ทุกภาคส่วนในไทยมีการทำงานที่น่าสนใจอย่างมากและพวกเขาก็ใส่ใจเราอย่างมาก ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างมาก และฉันมีความสุขอย่างมากที่แฟนๆจะได้เห็นใบหน้าฉ่ำๆของฉัน(หัวเราะ) ในภาพยนตร์เรื่อง ONPAKU เสียงครวญผวา”