Blog

สัมผัสอีกด้านของ ออน สมฤทัย ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความกล้าคิด – LUXUO Thailand

เปิดตัว Aon Somrutai และตัวตนที่เธอเลือกนอกเหนือจากหน้าจอ

บทความ: Luxuo Thailand ภาพ: มโนสิทธิ์ บุญนนท์

ออน สมฤทัย รัตนวราหะ หญิงสาวผู้เป็นที่รู้จักจากคอนเทนต์ไวรัล ภาพถ่ายที่ถ่ายทอดความเป็นธรรมชาติ ไอเท็มลักชัวรีที่คัดสรรด้วยความพิถีพิถัน และพลังบวกที่สัมผัสได้จากทุกบทบาทที่เธอเลือก ในสายตาของผู้คน เธอคือนิยามของผู้หญิงที่มีสไตล์ มีฝัน และรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้ง Luxuo Thailand Cover Story ฉบับนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักเธอให้มากกว่าที่เคยเห็น ผ่านบทสนทนาเปิดใจที่จริงใจและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ

อยากให้คุณออนเล่าให้ฟังหน่อยว่าชีวิตประจำวันช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีรูทีนอะไรที่ขาดไม่ได้เลย

ชีวิตประจำวันและรูทีนในช่วงนี้นะคะ ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ตอนกลางคืนเลยค่ะ คือต้องดูก่อนว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้บ้าง จะได้เตรียมตัวแล้วก็เซ็ตนาฬิกาปลุก เพราะแต่ละวันจะตื่นไม่เท่ากันค่ะ รุ่งเช้ามาเราก็จะมีเวลากับตัวเองสักครึ่งชั่วโมง จิบกาแฟ แล้วก็เริ่มต้นวัน รันไปตามตารางเลยค่ะ จะเป็นคนที่ค่อนข้างแพลน รูทีนก็จะประมาณนี้ค่ะ

มีเรื่องใดบ้างที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณออน

จริงๆ ในโซเชียลคนจะคิดว่าออนต้องช้อปปิ้งทุกวัน หรือว่าแต่งตัวเต็มทุกวัน จริงๆ มันจะเป็นวันที่ทำงานค่ะ ซึ่งช่วงนี้ก็ทำงานเยอะนิดนึง ก็เลยจะต้องแต่งตัวแทบจะทุกวัน แต่ว่าช่วงไหนที่ไม่ได้ทำงาน ก็จะชอบไม่แต่งหน้า ใส่เสื้อยืดกางเกงธรรมดาเลยค่ะ เพราะว่าชอบความรู้สึกหน้าสดค่ะ มันสบายหน้า แล้วออนก็เป็นคนชิลล์มากๆ เลยค่ะ

คุณออนมีรูทีนดูแลผิวประจำวันสำหรับวันที่ไม่ต้องแต่งหน้าไหม

มีค่ะ จริงๆ ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะคะ ออนจะมีการดูแลตัวเองอยู่เรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นหรือว่าครีมทาหน้า บำรุง แต่พยายามไม่ใช้หลายขั้นตอนมากเกินไป แต่จะลองสินค้าใหม่เรื่อยๆ ค่ะ

ในวันที่ไม่ต้องเจอใคร ไม่ต้องแต่งตัว คุณออนชอบใช้เวลากับอะไรบ้าง

เอาจริงๆ ออนชอบใช้เวลากับตัวเองค่ะ อยู่กับที่บ้าน อยู่กับตัวเอง แล้วก็ดูตารางเรื่อยๆ ค่ะ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เผื่อเรามีเวลาในการเตรียมตัวมากขึ้น มีเวลาฝึกฝนพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะทำงานได้ดีขึ้นค่ะ

ไอเท็มแฟชั่นชิ้นใดที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณออน

ไอเท็มแฟชั่นชิ้นที่รู้สึกว่าขาดไม่ได้ คงจะเป็นแหวนค่ะ ก็คือเป็นแหวนแต่งงานด้วย แล้วก็รู้สึกติด ทำให้มีกำลังใจ เวลาไปทำงานหรือไปไหน พอใส่วงนี้ไปแล้วรู้สึกมีกำลังใจ และมีความหมายกับเราค่ะ

การแต่งตัวและการเลือกไลฟ์สไตล์แบบใดที่คิดว่าเป็น “ออน สมฤทัย” ที่สุด

จริงๆ การแต่งตัวสำหรับสไตล์ของออนนะคะ ออนจะเป็นคนที่เลือกจากความสบายก่อน แต่ว่ามีดีเทล มีสไตล์ ก็จะเลือกแบรนด์ที่เรามั่นใจ แล้วก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน แต่หลักๆ คือจะเน้นสบาย มีสไตล์ มีดีเทล ออนชอบเรื่องราวของชุด ของเสื้อผ้าค่ะ

ในฐานะที่คุณออนมีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนมมือสอง คุณออนมีคำแนะนำดีๆ สำหรับเกี่ยวกับการเลือกซื้อ การดูแลรักษา และการลงทุนในสินค้าแบรนด์เนมมือสองไหม

แบรนด์เนมมือสอง ออนก็แนะนำว่า ช่วงนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อเลยค่ะ ออนเองก็แอบซื้ออยู่บ่อยๆ ซื้อจากร้านตัวเองบ้าง ซื้อจากแม่ค้าร้านอื่นๆ บ้าง เพราะแอบรู้สึกว่ามันค่อนข้างราคาดี แล้วก็เป็นแนว “สมบัติแบ่งกันชม” มันก็ได้ประโยชน์หลายทางนะคะ อย่างเราที่เห็นชัดเจนก็คือ เราก็ได้ซื้อในราคาประหยัดลง แล้วบางทีเป็นสินค้าที่หาไม่ได้แล้ว หาซื้อตามช้อปไม่ได้แล้ว เพราะผลิตนานแล้ว ก็รู้สึกโชคดีที่ได้มาค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง มันก็เป็นการช่วยเรื่องความยั่งยืน (sustainability) ด้วย ให้มีการหมุนเวียน สมบัติผลัดกันชม สมมติอีกคนไม่ได้ใช้แล้วก็มาแบ่งต่อแบบราคาดีขึ้น แต่ก็จะเลือกแบบสภาพดีๆ นิดนึง และเราภูมิใจในการใช้ค่ะ

ในวันที่ยุ่งๆ กับธุรกิจและโซเชียลมีเดีย คุณออนมีวิธีเติมพลังใจอย่างไรบ้าง

ในวันที่ออนยุ่งๆ ออนท้อ ออนเหนื่อย ก็จะเติมพลังใจให้ตัวเองบ้าง แต่ส่วนมากก็จะมีพลังบวกค่ะ คนอยู่รอบข้างก็จะเป็นแนวโพซิทีฟ มีพลังบวกหมดเลย ออนก็จะคัดคนจากความโพซิทีฟก่อนเลย ก็จะมีความรู้สึกที่ดีให้กัน ให้กำลังใจกัน เลยจะไม่ค่อยรู้สึกว่าท้อมากเท่าไหร่ แต่ถ้าท้อ ก็จะคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ยึดมั่นใจความถูกต้องค่ะ ทำงานก็เป็นเรื่องที่ดี เลยรู้สึกว่าเหนื่อยพักได้ค่ะ

ในวันที่เหนื่อยจนท้อมากๆ อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณออนลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

ถ้าเหนื่อยจนท้อจริงๆ ก็เคยมีค่ะ แล้วสิ่งที่ทำให้ลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งก็คือ เราให้คุณค่ากับตัวเอง เรารู้ว่าตัวเองมีความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ทำมิชชั่นต่างๆ ได้ ไม่ใช่ว่าให้ความท้อมากดความสามารถของเรา ออนรู้สึกว่า “เรายังไปต่อได้ เราทำได้มากกว่านี้” นี่คือกำลังใจของตัวเองค่ะ

ในบทบาทของนักธุรกิจ เจ้าของแบรนด์ และชีวิตคู่ คุณออนมีวิธีบริหารสมดุลในแต่ละบทบาทอย่างไร

จริงๆ แล้วเรื่องการจัดการชีวิตคู่ ธุรกิจ แล้วก็เรื่องงาน ออนเน้นเรื่องการจัดการเวลาค่ะ ออนจะเป็นคนที่มีตารางงานค่อนข้างเป๊ะเลยค่ะว่าเราจะทำอะไรในหนึ่งเดือน คิดแค่หนึ่งเดือนล่วงหน้า สองเดือนล่วงหน้า แล้วก็ย่อยมาเป็นทีละอาทิตย์ ทีละวัน แล้วก็ทำให้ดีที่สุดค่ะ อันไหนที่พอแทรกได้ก็แทรกไป เรื่องงานก็จะประมาณนี้ค่ะ ส่วนเรื่องความรัก เราก็จะทำให้เต็มที่ ก็จะใช้เวลาอยู่กับสามีโดยที่ไม่ได้จับโทรศัพท์หรือทำงาน ก็จะให้กำลังใจกัน พูดจาดีๆ ต่อกันค่ะ

ถ้าวันหนึ่งไม่ได้อยู่ในวงการแฟชั่นแบรนด์เนม คุณออนมีความฝัน หรือสิ่งที่อยากทำอีกไหม

จริงๆ ความรู้สึก ณ วันนี้ ออนรู้สึกกดดันตัวเองน้อยลงแล้วค่ะ ก็จะเป็นแนวใช้ชีวิตทุกวันให้เต็มที่ คือเราทำงานเราทำเต็มที่ แล้วก็มีความสุขกับการทำงาน ไม่ได้กดดันตัวเอง ถ้าถามว่าอยากจะทำอะไร ถ้าเราไม่ได้อยู่ในวงการนี้ เราก็คงจะลงทุนแบบที่ลงทุนอยู่ค่ะ อาจจะค่อยๆ ศึกษามากขึ้น ลงทุนมากขึ้น แล้วก็ใช้ชีวิต ไปเที่ยว ให้มันมีความสุข บาลานซ์ชีวิตด้วยค่ะ

แล้วตอนนี้มีที่เที่ยวในใจที่อยากไปไหม

ถ้าชอบที่สุดเลยนะคะ คือชอบไปซาฟารีค่ะ ไปดูบิ๊กไฟว์ เพราะเราเคยไปแอฟริกาใต้ครั้งแรก แล้วเราก็รู้สึกชอบมากๆ ต่อไปก็จะต้องไปเคนย่าให้ได้ ที่มี “เกรท ไมเกรชัน” (The Great Migration) ที่มีสัตว์วิ่งย้ายถิ่น คือเราเคยไปแล้วมันมีความสุขมากๆ ได้อยู่กับธรรมชาติ ความสัตว์เป็นแบบนี้ ความป่าเป็นแบบนี้ที่แท้จริง จะบอกว่าคนที่ชอบความสบายไปแบบนี้มีสบายๆ มากเหมือนกันนะคะ คือมันไม่ได้ลำบากเลย นอนสบาย ได้ตื่นมาเห็นธรรมชาติ ได้ออกทริป นั่งรถไปดูสัตว์ มันแฮปปี้มากๆ เลย อันนี้คือเป็นทริปที่คุ้มค่า แล้วก็อยากไปอีกเร็วๆ นี้

อยากฝากอะไรถึงผู้หญิงรุ่นใหม่ที่กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองอยู่ตอนนี้บ้าง

สำหรับใครที่มีความฝัน ออนรู้สึกว่ามันดีมากๆ แล้วที่เรามีความฝันของตัวเอง ก็อยากจะให้ทุกคนทำตามความฝันนั้น รู้ว่าการที่เรามีความฝันมันมีคุณค่ามากแค่ไหน แล้วก็ทำมันให้ได้ พยายามยึดมั่นกับความฝัน ออนเชื่อว่าทุกคนที่มีพลังในการคิดว่าตัวเองจะทำความฝันให้เป็นจริง มนุษย์เราสามารถทำได้แน่นอนค่ะ อย่าท้อ การที่เราจะทำความฝันได้มันต้องผ่านอะไรไปอีกเยอะมากๆ เลยค่ะ

อีก 5 – 10 ปีข้างหน้า ถ้าคุณออนได้กลับมาดูบทสัมภาษณ์นี้ คิดว่าจะรู้สึกอย่างไรบ้าง

ถ้าอีก 5 – 10 ปี ออนได้ดูบทสัมภาษณ์นี้อีกครั้ง ก็คงจะบอกว่า เฮ้ย ภูมิใจในตัวเองที่เรายังยึดมั่นในการทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วก็โพซิทีฟ แล้วก็คงเห็นการพัฒนาของตัวเองอีกเยอะมากๆ เลยค่ะ

แล้วคุณออนหวังว่าตัวเองใน 5 – 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หรืออยากฝากอะไรถึงตัวเองในตอนนั้นหรือไม่

สำหรับวันนี้ มองไปหาตัวเองในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้านะคะ ก็จะบอกว่า “เก่งมาก ทำได้แล้ว ออนในเวอร์ชั่นนั้น แล้วก็เป็นคนที่ดีขึ้น พัฒนาตัวเองได้มากขึ้นนะคะ มีสติในการทำงาน แล้วก็มีการบาลานซ์ในเรื่องของชีวิต ครอบครัว ความรัก เพื่อนร่วมงาน ทุกคน ใครอยู่ด้วยก็จะเป็นคนที่โชคดีนะ เก่งมากเลย” น่าจะประมาณนี้ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง:
คุณแคท ซอนญ่า สิงหะ กับบทสนทนาที่เผยตัวตนแท้จริงและความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
pgslot
pg
dv188
dv188
dv188
dv188
dv188
dv188
dv188
dv188
dv188
dv188