Blog

Van Cleef & Arpels คว้าสามรางวัลที่ GPHG 2024

Van Cleef & Arpels คว้า 3 รางวัลอันทรงเกียรติในงาน GPHG ปีนี้
บทความ:
รักดี โชติจินดา

( ภาษาอังกฤษ )

GPHG หรือ Grand Prix d’Horlogerie de Genève เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของอุตสาหกรรมนาฬิกาที่มีการประกาศผลทุกปีในเดือนพฤศจิกายน โดยคณะกรรมการชุดใหญ่กว่า 800 คนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะใช้แพลทฟอร์มออนไลน์โหวตคะแนนให้กับนาฬิกาที่เข้ารอบชิงรางวัลประเภทต่างๆ 15 ประเภท ประเภทละ 6 เรือนรวมทั้งหมด 90 เรือน บวกกับคะแนนจากคณะกรรมการชุดเล็กอีก 30 ท่านที่ต้องเดินทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ที่ผ่านมา Van Cleef & Arpels เคยได้รับรางวัล GPHG มาแล้วหลายครั้ง และในปีนี้ทางแบรนด์ก็สามารถคว้ารางวัลไปครองมากถึง 3 รางวัลซึ่งเป็นจำนวนรางวัลสูงสุดที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งจะสามารถรับได้ในแต่ละปี

วันแห่งมนต์เสน่ห์ของเลดี้อาร์เปลส์

รางวัลแรกคือ Artistic Crafts Watch Prize ที่มอบให้กับนาฬิกาที่ตกแต่งด้วยเทคนิคงานศิลป์อย่างน้อย 1 ชนิดซึ่งรางวัลนี้ตกเป็นของนาฬิการุ่น Lady Arpels Jour Enchanté หน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้เป็นฉากยามเช้าที่เห็นดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าด้วยสเปสซาไทท์ แซฟไฟร์สีและเพชรแล้วมีการทอแสงทอดยาวด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตจากเยลโลว์โกลด์ นางฟ้าไวท์โกลด์ทางด้านซ้ายกำลังบินเก็บดอกไม้ไปตามประสา สำหรับดอกไม้สีม่วงที่เห็นอยู่ทางด้านล่างนั้นสร้างขึ้นมาด้วยเทคนิคฟาซอนเน่เอนาเมลใหม่ของ Van Cleef & Arpels ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำเอนาเมลมาขึ้นรูปด้วยมือจนดูมีมิติแล้วจึงประดับแซฟไฟร์สีเหลืองตรงกลาง อีกหนึ่งเทคนิคใหม่ที่ Van Cleef & Arpels ใช้ในนาฬิการุ่นนี้ก็คือการประดับเพชรลงในเนื้อพลิคอาจูร์เอนาเมลใสโดยตรงโดยไม่มีชิ้นส่วนที่เป็นโลหะช่วยบังคับ เราจะเห็นเทคนิคดังกล่าวได้ในใบไม้สีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อนที่อยู่เหนือและใต้นางฟ้า รวมระยะเวลาการพัฒนาเทคนิคที่ใช้บนหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ 2 ปีและหน้าปัดแต่ละชิ้นจะต้องใช้เวลาในการประดิษฐ์นานถึง 180 ชั่วโมง

วันแห่งมนต์เสน่ห์ของเลดี้อาร์เปลส์

ต่อไปคือรางวัล Ladies’ Watch Prize ที่มอบให้กับนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีที่ไม่มีคอมพลิเคชั่นซับซ้อนและมีการประดับอัญมณีน้ำหนักรวมไม่เกิน 9 กะรัตซึ่งนาฬิกาที่คว้ารางวัลนี้ในปีนี้ไปได้ก็คือ Lady Jour Nuit ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 33 มม. ประดับเพชรเต็มพื้นที่ขอบตัวเรือน แถบด้านข้างตัวเรือนและขาตัวเรือน ฟังก์ชั่นหลักของนาฬิการุ่นนี้ก็คือการบอกว่าเวลานี้เป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน โมดูลนี้ประกอบด้วยจานหมุนขนาดใหญ่ที่ผลิตด้วยแก้วอเวนจูรีนจากมูราโนซึ่งจะหมุนครบหนึ่งรอบในเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้สัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์ที่เป็นแผ่นทองแกะสลักด้วยเทคนิคกิโยเช่หรือสัญลักษณ์รูปดวงจันทร์ที่เกิดจากการประดับเพชรจนเต็มพื้นที่รูปทรงกลมผลัดกันปรากฏขึ้นมาจากหลังฉากเปลือกหอยมุกที่แกะสลักและลงสีน้ำเงินอย่างสวยงาม

เลดี้อาร์เปลส์ ซัมเมอร์ บรีซ

และสุดท้ายคือรางวัล Ladies’ Complication Watch Prize ที่มอบให้กับนาฬิกาผู้หญิงที่มีคอมพลิเคชั่นสร้างสรรค์หรือซับซ้อนซึ่ง Van Cleef & Arpels ก็ชนะรางวัลนี้ตามความคาดหมายของหลายฝ่ายด้วยนาฬิการุ่น Lady Arpels Brise d’Été ชื่อของนาฬิการุ่นนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวได้ว่า “summer breeze” บนหน้าปัดมีผีเสื้อไวท์โกลด์กับผีเสื้อเยลโลว์โกลด์ผลัดกันทำหน้าที่บอกชั่วโมงและนาทีโดยสังเขป และเมื่อคุณกดปุ่มบริเวณ 8 นาฬิกาของตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 38 มม. โมดูลออโตมาตอนของนาฬิการุ่นนี้ก็จะทำงานทันทีโดยส่งให้ผีเสื้อทั้งสองบินรอบหน้าปัดจนครบหนึ่งรอบในเวลา 10 วินาทีก่อนที่จะมาหยุดที่ตำแหน่งเวลาที่ถูกต้องอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น ดอกโคโรลล่าทั้งสามที่อยู่บนก้านดอกไม้สีเขียวก็จะเคลื่อนไหวไปมาราวกับกำลังลู่ลมเหมือนอยู่ในธรรมชาติจริงๆ และยังมีการใช้เทคนิคมิเนเจอร์เอนาเมลเพนท์ติ้งบนพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์แบบของฉากฤดูร้อนยามเช้าฉากนี้

แล้วเรามารอดูกันว่าในปีหน้า Van Cleef & Arpels จะออกนาฬิกาอะไรที่น่าประทับใจอีกบ้าง เพราะว่าผลงานจากแบรนด์นี้ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยสักปี

บทความที่เกี่ยวข้อง: Van Cleef & Arpels และรางวัลออสการ์สาขาการผลิตนาฬิกา

เมซงแห่งนี้เป็นหนึ่งในสองแบรนด์ที่ได้รับรางวัลมากกว่าหนึ่งรางวัลในปีนี้

คำ: รักดี โชติจินดา

Grand Prix d’Horlogerie de Genève หรือ GPHG เป็นรางวัลอันทรงเกียรติประจำปีที่เฉลิมฉลองความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา โดยมีการประกาศผู้ชนะทุกเดือนพฤศจิกายน กระบวนการคัดเลือกประกอบด้วยสมาชิกสถาบันมากกว่า 800 รายทั่วโลกที่ลงคะแนนออนไลน์สำหรับนาฬิกาที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 6 เรือน แต่ละเรือนใน 15 หมวดหมู่ หรือนาฬิกาที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 90 เรือน คะแนนโหวตของพวกเขาจะรวมกับการประเมินจากคณะลูกขุนกลุ่มเล็กซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ 30 คนที่เดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Van Cleef & Arpels ได้รับรางวัล GPHG บ่อยครั้ง สำหรับฉบับล่าสุดนี้ แบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจถึงสามรางวัล: รางวัลสูงสุดที่อนุญาตสำหรับแบรนด์เดียวในหนึ่งปี

วันแห่งมนต์เสน่ห์ของเลดี้อาร์เปลส์

รางวัลที่หนึ่งคือ Artistic Crafts Watch Prize เพื่อเป็นเกียรติแก่นาฬิกาที่ผสมผสานเทคนิคงานฝีมือทางศิลปะอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ผู้ชนะในปีนี้คือ Lady Arpels Jour Enchanté อันวิจิตรงดงาม สื่อถึงฉากยามเช้าตรู่ที่มีแสงแดดเจิดจ้า ประดับด้วยโกเมนสเปสซาร์ไทต์ แซฟไฟร์สี เพชร และรังสียาวของทองคำสีเหลือง นางฟ้าทองคำขาวทางด้านซ้ายดำเนินกิจวัตรประจำวันของเธอในการเลือกดอกไม้เคลือบฟันสีม่วงที่แกะสลักด้วยมือ ซึ่งทำด้วยเทคนิคการเคลือบส่วนหน้าแบบใหม่ ซึ่งพัฒนาโดย Van Cleef & Arpels และประดับด้วยแซฟไฟร์สีเหลือง อีกหนึ่งเทคนิคใหม่ในนาฬิกาเรือนนี้ คือ เพชรที่ฝังโดยตรงบน plique-à-jour โปร่งแสงโดยไม่ต้องใช้ส่วนประกอบที่เป็นโลหะ คุณสามารถเห็นสิ่งนี้ได้ในใบไม้สีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อนด้านบนและด้านล่างของนางฟ้า สองปีในการพัฒนาหน้าปัดเรือนนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการประกอบถึง 180 ชั่วโมง

เลดี้เดย์ไนท์

รางวัลที่ 2 คือ รางวัล Ladies’ Watch Prize ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับนาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ซับซ้อน และมีน้ำหนักอัญมณีสูงสุดไม่เกิน 9 กะรัต ตกเป็นของรุ่น Lady Jour Nuit ที่มีเพชรบนกรอบ สายตัวเรือน และตัวล็อคของตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 33 มม. จุดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้คือบอกกลางวัน/กลางคืน แผ่นแก้วมูราโนอาเวนทูรีนขนาดใหญ่หมุนรอบนาฬิกาหนึ่งครั้งภายใน 24 ชั่วโมง แสดงวันและคืนด้วยการนำเสนอที่มีสไตล์อย่างเหมาะสม เพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ มาเธอร์ออฟเพิร์ลที่แกะสลักด้วยกิโยเช่และทาสีฟ้าจะปกคลุมครึ่งล่างของหน้าปัด เพื่อบังดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เมื่อถึงเวลาที่อีกดวงจะขึ้น

เลดี้อาร์เปลส์ ซัมเมอร์ บรีซ

ในที่สุด รางวัล Ladies’ Complication Watch Prize ซึ่งเชิดชูนาฬิกาของผู้หญิงที่มีกลไกซับซ้อนที่สร้างสรรค์หรือซับซ้อน ตกเป็นของ Lady Arpels Brise d’Été ซึ่งเป็นชัยชนะที่หลายคนในอุตสาหกรรมคาดหวังไว้ ชื่อ “Brise d’Été” แปลตรงตัวว่า “สายลมฤดูร้อน” ผีเสื้อสองตัวในทองคำขาวหรือเยลโลว์โกลด์ผลัดกันแสดงชั่วโมงและนาทีโดยประมาณพาดผ่านโค้ง 180 องศา การกดปุ่มที่ตำแหน่งแปดนาฬิกาของตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 38 มม. จะเป็นการเปิดใช้งานโมดูลอัตโนมัติของนาฬิกา โดยส่งผีเสื้อสองตัวบินข้ามหน้าปัดเป็นเวลา 10 วินาทีก่อนที่จะหยุดในเวลาที่ถูกต้อง ในขณะที่สิ่งนี้เกิดขึ้น ดอกกลีบดอกสามดอกบนก้านสีเขียวจะแกว่งไกวเบา ๆ ตามทำนองของสายลมในจินตนาการ ภาพวาดลงยาขนาดจิ๋วบนพื้นหลังหอยมุกช่วยเติมเต็มฉากเช้าฤดูร้อนนี้

เรารอคอยสิ่งที่ Van Cleef & Arpels จะเปิดตัวในปีหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากแบรนด์นี้สร้างความพึงพอใจและสร้างความประหลาดใจให้เราอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างสรรค์อันน่าทึ่งของพวกเขา

ดูเพิ่มเติมที่: Van Cleef & Arpels และรางวัลออสการ์สาขาการผลิตนาฬิกา

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button